• กิจกรรมทายผล
  • การแข่งขัน
  • ติดต่อสอบถาม
  • สนับสนุนเว็บบอร์ด


  • หน้าแรก
  • โบรคเกอร์
    • เปรียบเทียบบัญชีโบรคเกอร์
    • ตราวจสอบ Reabate Exness ประจำวัน
    • การแข่งขัน webTrader Contest
  • ปฏิทิน
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • blogger
 

  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • เรื่องทั่วไป »
  • อื่น ๆ อีกมากมาย... »
  • bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • พิมพ์
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 8   ลงล่าง

ผู้เขียน หัวข้อ: bitcoin ครับ อีก เทรน ....  (อ่าน 9437 ครั้ง)

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กันยายน 19, 2017, 03:06:20 PM »


  เหมือน ๆ จะ คืนชีพ นะ   m:23 m:23 mm27 mm27
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กันยายน 20, 2017, 03:15:38 PM »
Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย
"โดยธนาคารกลางแห่งประเทศจีนกำลังทดสอบต้นแบบสกุลเงินดิจิทัลด้วยการจำลองการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารพาณิชย์บางแห่งประเทศจีนได้ประกาศถึงกลยุทธ์ของธนาคารในการจะนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ควบคู่กันกับเงินสกุลหยวน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเริ่มใช้จริงเมื่อใด และธนาคารก็ได้ดำเนินการทดสอบอย่างระมัดระวังอย่างมากอย่างไรก็ตาม การทดสอบก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก โดยแสดงให้เห็นว่าประเทศจีนได้ให้ความสำคัญกับความท้าทายทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินดิจิทัล ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างซับซ้อนต่อสภาพเศรษฐกิจและระบบการเงินทั่วโลกสกุลเงินดิจิทัลที่มีธนาคารกลางรับรองการมีค่าของเงินเทียบเท่าการใช้เงินที่เป็นธนบัตร อาจเป็นการลดต้นทุนในการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้บริการทางการเงินสามารถดำเนินการได้ในวงกว้างมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ที่มีประชากรจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงธนาคารแบบดั้งเดิมได้ โดยสกุลเงินดิจิทัลควรจะต้องลดต้นทุนการผลิตและการดำเนินการให้ถูกลง อีกทั้งเพื่อที่จะลดการปลอมแปลงด้วยที่สำคัญมากกว่าคือ สกุลเงินดิจิทัลจะทำให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมธุรกรรมดิจิทัลได้มากขึ้น ที่ในขณะนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก และยังสามารถติดตาม ตรวจสอบย้อนกลับแต่ละธุรกรรมได้ ซึ่งจะช่วยลดการคอร์รัปชั่น ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก อีกทั้งสกุลเงินดังกล่าวอาจจะแสดงให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันได้แบบเรียลไทม์ซึ่งมีประโยชน์มากต่อผู้กำหนดนโยบาย และอาจจะช่วยอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมข้ามแดนรวมทั้งการใช้เงินหยวนนอกประเทศจีนสกุลเงินดิจิทัลที่รู้จักในชื่อ cryptocurrencies เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความสนใจในการลงทุนและจับตามองไปที่ Bitcoin ที่เกิดขึ้นในปี 2008 โดยการทำธุรกรรมโดยใช้ Bitcoin รู้จักกันดีในนาม Blockchain ที่ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องมีหน่วยงานกลางประเทศจีนไม่ได้เป็นเพียงประเทศเดียวที่สนใจยกเครื่องสกุลเงิน โดยในปีนี้อินเดียได้ลดการใช้ธนบัตรเพื่อลดการหนีภาษีและรายได้ที่ผิดกฎหมายและในขณะที่ธนาคารกลางบางแห่งซึ่งรวมทั้งธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา ธนาคารแห่งประเทศเยอรมนี และธนาคารกลางสิงคโปร์ กำลังศึกษาสกุลเงินดิจิทัลที่ธนาคารกลางรับรอง โดยประเทศจีนถือเป็นแห่งแรกของโลกที่มีการทดลองเรื่องนี้หนึ่งในความกังวลของธนาคารกลางอื่นๆ ที่กำลังพิจารณาเรื่องสกุลเงินดิจิทัลที่รับรองโดยธนาคารกลางก็คือ อาจจะเป็นการทำลายระบบธนาคารแบบดั้งเดิมได้เพราะทุกคนสามารถเปิดบัญชีโดยตรงกับธนาคารกลางได้สกุลเงินดิจิทัลของประเทศจีนได้มีการออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ทั้งนี้จากรายงานใน Tsinghua Financial Review วารสารทางการศึกษา ระบุว่า Yao Qian รองผู้อำนวยการแผนกเทคโนโลยีของธนาคารแห่งประเทศจีน ได้กล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัลสามารถรวมเข้ากับระบบธนาคารปัจจุบันได้ โดยธนาคารพาณิชย์ได้ดำเนินการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับสกุลเงินของธนาคารกลางในขณะที่ประเทศอื่นๆ ได้เสนอให้มีการใช้โครงสร้างของ Bitcoin และมีธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งในโลกกำลังทดลองใช้อยู่ โดยสกุลเงินที่พัฒนาโดยธนาคารแห่งประเทศจีนได้มีการออกแบบที่แตกต่างออกไปYao ได้กล่าวว่า สกุลเงินอาจจะใช้รายการเดินบัญชีแบบกระจายตัวที่ผู้ใช้ทุกคนจะต้องมีเป็นของตัวเอง (distributed ledger) ในทางที่จำกัด โดยอาจจะไม่ได้ใช้ Blockchain ในการทำธุรกรรมเพราะอาจเป็นการพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้งานที่มากจนไม่สามารถจัดการได้สำหรับสกุลเงินที่มีปริมาณการทำธุรกรรมมหาศาลสำหรับเงินหยวนแต่รายการเดินบัญชีแบบกระจายตัว (distributed ledger) ดังกล่าวอาจจะใช้เป็นระยะๆ เพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นเจ้าของมูลค่าของ Bitcoin ก็ยังคงไม่แน่นอนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (ในขณะที่เขียนบทความนี้ Bitcoin มีมูลค่า 2,662 เหรียญสหรัฐซึ่งมีค่าเป็นสองเท่าจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา) จำนวนของเงิน cryptocurrencies ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และเทคโนโลยี Blockchain ก็กำลังได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดSimon Johnsom ศาสตราจารย์แห่ง MITs Sloan School of Management ศึกษาเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเงินและเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศโดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า จีนกำลังอยู่ในช่วงของการทดลองการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และเงินดิจิทัลซึ่งส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีนวัตกรรมมากมายในภาคเอกชนที่คล้ายๆ กับ Alipay และจีนยังเป็นผู้ใช้ Bitcoin รายใหญ่ที่สุดด้วยJohnson ยังเพิ่มเติมอีกว่าจีนมาถูกทางแล้วในการที่จะเริ่มมีการใช้สกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการ เนื่องจากมีการรวมกันของเทคโนโลยีที่หลากหลาย และก่อให้เกิดประโยชน์กับระบบการชำระเงินของพวกเขาและยังสร้างงานสร้างอาชีพอีกด้วยReference: https://www.technologyreview.com/s/608088/chinas-central-bank-has-begun-cautiously-testing-a-digital-currency/"
อ่านต่อที่: http://www.nationtv.tv/main/content/economy-business/378555312/
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กันยายน 22, 2017, 07:18:14 AM »
แบบนี้ก็ได้เหรอ?
.
ตามที่ได้เตือนกันในคลาสเสมอว่า "ข่าวสาธารณะที่มาถึงเรา คือข่าวที่ผู้ให้ข่าวต้องการให้เรารู้ตามนั้น แต่แทบจะไม่มีประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจอะไรเลย" ลองดูข่าวนี้ครับ
.
มหกรรม "ชงเองกินเอง" แบบไม่แคร์สื่อของ JPMorgan ก็โดนตีแผ่เป็นเรื่องฉาวโฉ่อีกครั้ง หลังจากที่ไม่กี่วันก่อน CEO ของบริษัทคือนาย Jamie Dimon ออกมาประกาศตราหน้า BITCOIN ว่าเป็นสิ่งลวงโลก ถ้าเทรดเดอร์ของบริษัทคนไหนเทรดบิทคอยน์จะโดนไล่ออกทันที
.
แต่ดันมีหลักฐานปรากฏว่า JPMorgan Securities กลับเทรดสินค้าที่ชื่อ BITCOIN XBT ซึ่งเป็นหุ้นที่ขึ้นลงอ้างอิงราคา BITCOIN ซึ่งรายงานการเทรดที่เผยแพร่บนเวปไซด์ของ Sweden's Nordbank แจ้งว่า JPMorgan ได้ซื้อ XBT จำนวน 9000 หุ้น ซึ่ง XBT ทุกหุ้นถูกรับรองโดยการถือครอง BITCOIN จริง ๆ
.
เหตุการณ์นี้สร้างความหัวเสียให้กับชุมชนคนเทรด BITCOIN พอสมควร เพราะนอกจากการออกมาทุบราคาของคุณ Jamie แล้ว ยังเป็นช่วงที่มีข่าวด้านลบต่อราคา BITCOIN จากจีนอีกด้วย
.
"JPMorgan bought the mxxher fxxking dip." (เซนเซอร์) เป็นถ้อยคำที่ชาวเนท Tweet สรรเสริญ JPMorgan ที่ให้ผู้บริหารออกมาทุบราคาแล้วกลับแอบซื้อเงียบ ๆ
.
เหตุการณ์ลักษณะนี้เป็นข้อเตือนใจนักลงทุนถึงความจริงที่ว่า "ไม่มีสัจจะในหมู่โจร" (โดยเฉพาะโจรใส่สูท) ระหว่างที่ข่าวร้ายถูกปล่อยออกมา เราลองตั้งสตินึกดูว่าพวกเราขายแล้วใครกำลังซื้ออยู่ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก และนี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน
.
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

ออฟไลน์ neoben

  • ex
  • Sr. Member
  • *
  • กระทู้: 90
  • LIKE: 5
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กันยายน 22, 2017, 07:46:08 AM »
ทำไปได้ em8.gif
บันทึกการเข้า

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กันยายน 22, 2017, 02:21:28 PM »
จีนสั่งแบน “บิตคอยน์” ลดความเสี่ยงอาชญากรรมในโลกไซเบอร์
บีบีซีรายงานว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศจีนออกคำสั่งเตรียมยกเลิกการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล “บิตคอยน์” (Bitcoin) ทั่วประเทศ โดยเริ่มดำเนินการในเมืองใหญ่อย่างกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ โดยทางการจีนได้สั่งให้ตลาดซื้อขายบิทคอยน์ในกรุงปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ยื่นแผนยุติการดำเนินงานภายใน วันที่ 20 ก.ย. ก่อนเวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น และคาดหวังว่าการแลกเปลี่ยน Bitcoin จะสามารถยุติลงได้ในปลายเดือนนี้
ทั้งนี้รัฐบาลจีนออกมาชี้แจงสาเหตุของคำสั่งดังกล่าวว่าเป็นมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ และลดอัตราอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ที่ใช้ เงินดิจิทัล เป็นเครื่องมือ เช่น การฟอกเงิน การค้ายาเสพติด และการระดมทุนที่ผิดกฎหมาย
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Gold Master
  • *****
  • กระทู้: 44186
  • LIKE: 482
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กันยายน 22, 2017, 03:04:27 PM »
เป็นเรื่องเลย 
บันทึกการเข้า
forex เป็นการลงทุนที่มีความเสียงสูงผู้ลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

ออฟไลน์ zamurai

  • ex/ n-cl
  • Copper
  • **
  • กระทู้: 969
  • LIKE: 41
  • ทุกการเรียนรู้ มันมีค่าในการที่จะประสพความสำเร็จ..
    • ดูรายละเอียด
    • zamuraiFX&IT
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กันยายน 22, 2017, 04:00:16 PM »
 m:5 อยากจะเล่น หรือเทรด เหมือน แต่ "กลัวจะล่ม" เหมืนอ LR (liberty reserve) สกุลเงินอิเล็คทรอนิกส์ที่เคยโด่งดัง...

 m:35 แค่เทรดคู่เงินระหว่างประเทศ นี้ ก็ "ลำบาก" แล้ว หุ ๆๆ
บันทึกการเข้า

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กันยายน 26, 2017, 09:34:16 AM »
บทความแฉกลโกงในโลก cryptocurrency ครับ ยาวหน่อยแต่อ่านแยกส่วนได้ (มี 8 ส่วน บางส่วนก็ไม่สำคัญมาก)

อันที่ผมคิดว่าสำคัญคือส่วนที่ 3 เรื่อง ICO โดยข้อมูลที่น่าสนใจคือกลโกงของการทำ ICO ในตลาดจีน ซึ่งมีกระบวนการ "ปั่น" ที่ชัดเจน จากตัวละคร 2 ตัวคือ

- community managers (CM) ทำหน้าที่เอาเหรียญไปขายในตลาดแลกเปลี่ยน โดยแลกกับ commission
- market maker (MM) อธิบายเป็นศัพท์ไทยแบบง่ายๆ ก็คือ "เจ้ามือหุ้น" มีหน้าที่ลากและทุบ

ข้อมูลในบทความบอกว่า ตอนนี้ในจีนมีการขาย ICO ออกใหม่เดือนละ 60 ราย และในครึ่งปีแรก 2017 มีนักลงทุนเข้าไปเล่นแล้วเกิน 100,000 ราย จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ทางการจีนจะเข้ามาแทรกแซงอย่างจริงจังมาก ถึงขนาดสั่งให้ exchange ต้องหยุดกิจการทันที

ประเด็นอื่นๆ ก็น่าสนใจทั้งเรื่อง (4) บทบาทของ VC ที่เข้ามาช่วยปั่น (5) การต่อสู้ของเหรียญแต่ละตระท่านล (6) ตัวมูลค่าของเหรียญในแง่ของ market cap ที่อาจไม่มีอยู่จริง

ป.ล. เขียนดักไว้ก่อน การลงทุนเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถ้าเล่นเหรียญพวกนี้แล้วได้กำไร ผมก็ดีใจด้วย (มีเพื่อนผมเล่น high frequency trading แล้วกำไร ผมก็ดีใจด้วยเหมือนกัน) แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้แบบนั้น ดังนั้น ถ้ามีใครที่สนิทกันเป็นส่วนตัวมาถามว่าควรเข้าไปเล่นไหม คำตอบคือ no ทุกกรณี
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Gold Master
  • *****
  • กระทู้: 44186
  • LIKE: 482
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กันยายน 26, 2017, 10:07:15 AM »
ชอบสรุป สรุปได้ดี 

ดังนั้น ถ้ามีใครที่สนิทกันเป็นส่วนตัวมาถามว่าควรเข้าไปเล่นไหม คำตอบคือ no ทุกกรณี
บันทึกการเข้า
forex เป็นการลงทุนที่มีความเสียงสูงผู้ลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: กันยายน 26, 2017, 11:52:35 AM »
ผมได้ฟังเรื่อง “บิทคอยน์” (Bitcoin) จากเพจ “ถามอีกกับอิก เรื่องการลงทุน” ของคุณอิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข พิธีกร ที่ได้สัมภาษณ์ผู้รู้ ชื่อ “พี่รัน” (เขาไม่ได้บอกชื่อจริง) ผู้เชี่ยวชาญ และเขาก็อธิบายได้เคลียร์มากๆ ผมจึงขอสรุปความ และเอามาเรียบเรียงไว้ ณ ที่นี้ โดยได้เสริมถ้อยคำของตนเองเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเข้าใจ ขอบคุณ อิก และผู้ให้สัมภาษณ์ที่ถ่ายทอดข้อมูลดีๆ ไว้ด้วยนะครับ – ชัชวนันท์

(ฟังคลิปฉบับเต็มได้ที่ Youtube ของ “ถามอีกกับอิก เรื่องลงทุน” ที่นี่ )

เรียบเรียง โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช

บิทคอยท์ ทำหน้าที่เหมือนกับ “ทองคำ”

สมัยก่อนที่ทองคำมีค่าขึ้นมา ก็เพราะคนใช้มันเป็น “สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน”

คุณลักษณะของสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน คือต้องหายาก ปลอมยาก และได้รับความเชื่อมั่น

“ความเชื่อมั่น” ( trust) และ “จำนวนที่จำกัด” (limited supply) คือองค์ประกอบสำคัญที่สุด

นึกถึงภาพวาดของ แวนโก๊ะ ทั้งหมดมีอยู่ไม่กี่ร้อยภาพ

แต่ในสมัยที่แวนโก๊ะยังมีชีวิต มันกลับขายไม่ได้ เพราะคนไม่เชื่อมั่นในแวนโก๊ะ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร

ตลอดชีวิตของแวนโก๊ะ เขาขายภาพได้แค่ภาพเดียว

ทว่าเมื่อเขาตายไปนานแล้ว ความเชื่อมั่นก็เกิดขึ้น ภาพของเขาจึงมีมูลค่าขึ้นมา

vangogh

ดังที่กล่าวไปแล้วว่า คนสมัยก่อนใช้ “ทองคำ” เป็นตัวกลาง แต่ด้วยความที่ทองคำพกพาได้ยาก

เลยมีการพิมพ์ “กระดาษ” ออกมาเพื่อใช้แทนมูลค่าของทองคำ

นี่เป็นที่มาของเงินสกุลต่างๆ หรือ currency ภาษาไทยคือ “อัตราแลกเปลี่ยน” นั่นเอง

เงินดอลล่าร์ เงินปอนด์ เงินเยน และเงินหลายสกุลทั่วโลก เหล่านี้ล้วนเป็น currency

เมื่อก่อน การที่ชาติหนึ่งๆ จะพิมพ์เงินออกมาได้ ต้องมีทองคำฝากไว้ที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยสามารถพิมพ์เงินได้ตามมูลค่าทองคำที่ตัวเองมีอยู่

แต่แล้ว พอสหรัฐอเมริกาบุกเวียดนาม สหรัฐฯ ต้องใช้เงินมหาศาล จึงพิมพ์เงินออกมามากกว่าทองคำที่ค้ำไว้ ซึ่งผิดข้อตกลง

ด้วยเหตุนี้ ในปี 1971 ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน จึงประกาศเลิกผูกเงินดอลล่าร์กับทองคำ และสหรัฐฯ ก็พิมพ์เงินออกมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ (มูลค่าทองคำต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ จึงสูงขึ้นตลอดมา)

gold-163519_960_720

ปัจจุบัน หลายชาติ รวมทั้งญี่ปุ่น มีการพิมพ์เงินออกมาเอง โดยไม่ผูกกับทองคำ แบบที่สหรัฐฯ ทำ และเมื่อไม่นานมานี้ ญี่ปุ่นก็เพิ่งทำ QE โดยใส่เงินเพิ่มเข้าไปในระบบ ตามรอยอเมริกา

นั่นทำให้ในโลกยุคปัจจุบัน “เงิน” ที่เราใช้กันอยู่ เหลือแต่ “trust” แต่ความเป็น “limited supply” นั้น หมดไปแล้ว

เหตุที่สกุลเงินต่างๆ ยังรักษาคุณค่าของมันอยู่ได้ เพราะผู้คนมีความเชื่อถือในประเทศนั้นๆ ไม่ใช่เพราะความ “มีอยู่จำกัด” ของ “เงิน” อีกต่อไป

ดู “ซิมบับเว” เป็นตัวอย่าง ซิมบับเวเป็นประเทศที่ไม่มี “trust” พอพิมพ์แบงก์ออกมามากๆ จึงเกิดเงินเฟ้ออย่างรุนแรง

ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ปัจจุบัน เพดานหนี้ภาครัฐของหลายประเทศ ยกระดับขึ้นไปสูงมาก และหากรัฐบาลหนึ่งเกิดไม่ชำระหนี้ (default) ก็อาจส่งผลเป็นโดมิโนไปทั่วโลก

(ขอเสริมว่าเพราะโลกทุกวันนี้มีความเชื่อมโยงทางการเงินสูง มีการให้ท่าน้ ให้เงินช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากชาติหนึ่งหยุดชำระหนี้ ชาติเจ้าหนี้ย่อมได้รับผลกระทบ ดังกรณีของกรีซ หากกรีซหยุดชำระหนี้ เยอรมนีและอีกหลายๆ ชาติเจ้าหนี้จะเจ็บหนักที่สุด- ผู้เรียบเรียง)

และผู้คนอาจไม่เชื่อถือใน “เงินตรา” แบบดั้งเดิมอีก

จากปัญหาทั้งหมดข้างต้น ทำให้มีคนๆ หนึ่ง ใช้ชื่อว่า “ซาโตชิ นากาโมโต้” คิดค้นส่ิงที่เรียกว่า “บิทคอยน์” (bitcoin) ขึ้นมา

บิทคอยน์เป็น “อัตราแลกเปลี่ยน” ชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่เหมือนกับ “ทองคำ” ในสมัยก่อน โดยซาโตชิได้ทำให้มันมีจำนวนจำกัด (limited supply) เพื่อให้มีคุณค่าในการแลกเปลี่ยน

(ทองคำทั้งโลกมีแค่ 2 แสนตัน ส่วนบิทคอยน์ ถูกทำขึ้นมาเพียง  21 ล้านเหรียญบิทคอยน์ และจะไม่เพิ่มมากไปกว่านี้)

ในเรื่องของความปลอดภัย ถามว่า มีโอกาสหรือไม่ที่บิทคอยน์จะถูกแฮ็ค? ก็ต้องตอบว่า กลไกของบิทคอยน์ คือการเก็บข้อมูล transaction ไว้ในคอมพิวเตอร์ทั่วโลก จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะโดนแฮ็ค เพราะนั่นหมายถึงต้องแฮ็คคอมฯ ที่กระจายกันอยู่ทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้ บิทคอยน์ จึงเป็นธนาคารที่ไม่มีวันถูกปล้น แต่เหตุที่มีข่าวว่ามีการ “แฮ็คบิทคอยน์” กันอยู่บ่อยๆ นั้น เป็นเพราะคนที่มีบิทคอยน์ เอาบิทคอยน์ไปฝากไว้กับ exchange agent แล้วตัว agent โดนแฮ็ค บิทคอยน์จึงถูกขโมยไป

ถามว่า บิทคอยน์จะเข้ามาหมุนเวียนในระบบได้อย่างไร?

คำตอบก็คือ ก็เหมือนกับ “ทองคำ” คือต้องมีคนไป “ขุด” มันขึ้นมา

bitcoin-2730220_960_720

ถามต่อว่า การ “ขุด” บิทคอยน์ ทำอย่างไร?

ต้องอธิบายถึงระบบของบิทคอยน์ก่อนว่า ในการโอนเงินให้กันและกันของบิทคอยน์ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ซึ่งจะทำให้มีคนรับรู้มากมาย และโกงกันไม่ได้

พูดอีกอย่างคือ จะมี “พยาน” ที่รับรู้การโอนเงินดังกล่าว

คนที่เป็น “พยาน” ในที่นี้ เรียกว่า miner หรือ “นักขุด” แต่ไม่ใช่ใคร อยู่ๆ จะมาขุดก็ได้ โดยคนที่จะมาเป็น miner ต้องมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า “เครื่องขุด” ซึ่งก็คือ “การ์ดจอ” (เป็นอุปกรณ์ที่มีขายในท้องตลาด โดยราคาของมันมักจะขึ้นลงตามตัวบิทคอยน์)

และ “ค่าตอบแทน” ของการเป็น miner ก็คือตัว “บิทคอยน์” นั่นเอง

bitcoin-2714191_960_720

สำหรับกระบวนการขุดนั้น เมื่อมีอุปกรณ์แล้ว ก็แค่เปิดเครื่อง ลงโปรแกรม แล้วเริ่มขุดได้ โดยซีพียูจะถอดสมการคณิตศาสตร์ไปเรื่อยๆ (เป็นสมการที่ ซาโตชิ เป็นคนคิด ซึ่งผู้ขุดไม่ต้องคิดเลขแก้สมการเอง เพียงเปิดคอมฯ ทิ้งไว้เฉยๆ ให้ซีพียูของการ์ดจอคิดให้) เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ขุดก็จะได้บิทคอยน์ออกมา

อาจกล่าวได้ว่า ผู้คิดค้นบิทคอยท์ สร้างระบบที่ดึงดูดคนมาทำงานให้ แล้วจ่ายค่าตอบแทนเป็น product ของระบบนั้นเอง เหมือนเจ้าของบริษัทปลากระป๋อง จ้างคนมาทำงานในโรงงาน แล้วให้ปลากระป๋องเป็นค่าตอบแทน ซึ่งถือว่าฉลาดมากๆ – ผู้เรียบเรียง

(อย่างไรก็ตาม สมการที่ว่าน้ีจะยากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงจุดนึง นักขุดจึงต้องซื้อการ์ดจอที่สเปคสูงกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการลงทุนเพิ่ม เหตุที่ซาโตชิเขียนระบบเช่นนี้ก็เพื่อสร้างบาลานซ์ไม่ให้บิทคอยน์ถูกขุดกันได้ง่ายเกิน ซึ่งจะส่งผลให้ตัวของมันสูญเสียมูลค่า)

เมื่อได้บิทคอยน์มา ผู้ขุดก็มีทางเลือก คือจะขายต่อเอาเงิน หรือเก็บมันไว้ก็ได้ โดยทุกวันนี้ มีคนมากมายเข้ามา “ซื้อๆ ขายๆ” (trade) บิทคอยน์ เพื่อทำกำไร

จะเห็นได้ว่า ผู้เล่นในตลาดบิทคอยน์มีอยู่สองกลุ่ม คือ “นักขุด” (miner) และ “นักเทรด” (trader)

ว่ากันว่า ถึงวันหนึ่ง เมื่อบิทคอยน์ถูกขุดขึ้นมาหมดแล้ว สภาพคล่องของมันจะหมดไป แต่มูลค่าของมันจะเริ่มมีเสถียรภาพ ไม่เหวี่ยงไปมาเหมือนทุกวันนี้

นั่นจะทำให้บิทคอยน์สามารถเอาไปใช้งานได้จริง และกลายเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินทางเลือก โดยการที่มันจะถูกหรือแพง ก็ขึ้นอยู่กับ trust ของคน เหมือนสกุลเงินทั่วไปในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เป็นเรื่องธรรมดา ที่รัฐบาลของหลายประเทศจะไม่ยอมรับบิทคอยน์ เพราะกลัวว่าจะทำให้เงินของประเทศตนด้อยค่าลง แต่ในบางประเทศอย่าง เวเนซูล่า ที่คนไม่เชื่อถือในเงินตรา ไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล ธุรกิจบิทคอยน์กลับเฟื่องฟูมาก

ทุกวันนี้ ในประเทศอย่าง ญี่ปุ่น และ อเมริกา บิทคอยน์สามารถใช้ซื้อของได้บ้างแล้ว และวันหนึ่ง เมื่อความเชื่อมั่นเกิดขึ้น บิทคอยน์จะทำหน้าที่เป็น medium of exchange ได้อย่างสมบูรณ์

คำถามยอดฮิตก็คือ บิทคอยน์เวลานี้เป็น “ฟองสบู่” หรือยัง?

ก็ต้องบอกว่า ปัญหาของบิทคอยน์ คือคนไม่ได้มองมันในฐานะ “อัตราแลกเปลี่ยน” จริงๆ แต่สนใจเพราะอยากเข้าไป “เก็งกำไร”

และเหตุที่ราคาบิทคอยน์ผันผวนมาก ก็เพราะมันอยู่ในภาวะที่เรียกว่า “เงินฝืดรุนแรง” จากปริมาณที่มีอยู่น้อย นี่แหละ ทำให้ราคาของมันพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วและขึ้นลงหวือหวา

จึงต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าสักวันจะมีปัจจัยมาทำให้ราคาบิทคอยน์ลดฮวบลงมาหรือเปล่า? และอนาคตของบิทคอยน์จะเป็นอย่างไร? จะมีวันที่มันพัฒนาขึ้นมาเป็นอัตราแลกเปลี่ยนมาตรฐานของโลกหรือไม่

แม้จะไม่มีใครชี้ชัดได้ในเวลานี้ แต่เชื่อว่าคำตอบนั้นคงมาถึงในอีกไม่
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Gold Master
  • *****
  • กระทู้: 44186
  • LIKE: 482
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: กันยายน 26, 2017, 12:24:13 PM »
คุยได้ยินคำว่าชุด บิดคอยอยู่ครับ

ที่รู้มาต้องลงทุนประกอบคอมใชฉะเพาะ  กำลังแรง และก๊าดจอต้องดี 4 ตัว ตัวละหมือกว่าบาท

สรุปชุดหนึ่ง แสนกว่าบาท ผลตอบแทนวันละ 300 - 1000 บาทผมมองว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

ได้น้อยลงทุนเยอะ  ไม่ใช่ทางนักเทรดแน่ ๆ   นักเทรดต้องลงทุนน้อย กำไรมาก ๆ นิใช่เลย 
บันทึกการเข้า
forex เป็นการลงทุนที่มีความเสียงสูงผู้ลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

ออฟไลน์ Fadhil2557

  • EX/CL/FB
  • Silver
  • ****
  • กระทู้: 2528
  • LIKE: 34
  • เวลาไม่เคยคอยใคร ทำรัยก็รีบๆ ทำเพราะเดี๋ยวไม่ทัน
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: กันยายน 26, 2017, 01:41:54 PM »
สกุลเงินดิจิตอล ในตอนนี้ ออกมายิ่งกว่าดอกเห็ดบานหน้าฝนอีกครับ จะลงทุนก็ต้องศึกษาหาความรู้ ทำความเข้าใจเยอะ ๆ หน่อยครับ ตลาดมันมีดีมานด์ ซัฟพลาย ที่ลวงตาอยู่เยอะเหมือนกัน ไม่เหมือนตลาดฟอเร็ก พูดง่าย ๆ ตลาดมันยังคงมีกระแสการปั่นราคาอยู่ค่อนข้างสูงนะครับ ระวัง ๆ หน่อยถ้าจะเข้าไปเล่นครับ Cat1.gif
บันทึกการเข้า
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด วันข้างหน้าก็ดีเอง

ออฟไลน์ kubeever

  • Copper
  • **
  • กระทู้: 583
  • LIKE: 15
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: กันยายน 26, 2017, 04:21:05 PM »
 pig.gif pig.gif pig.gif ผมไม่เล่นเลย ยังใหม่อยู่
บันทึกการเข้า

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: กันยายน 28, 2017, 03:12:27 PM »
บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติละตินอเมริกันนาม Ripio (ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่า BitPagos) เปิดระดมทุนผ่าน Initial Coin Offerings (ICO) สำหรับเครือข่ายให้ท่าน้ยืมเงินทั่วโลก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

บริษัทดังกล่าวที่ก่อนหน้านี้เปิดให้บริการด้านการเงินและเหรียญ cryptocurrency ตั้งแต่ปี 2013, เปิดบริการด้านเครดิต blockchain เมื่อปลายปีที่แล้ว และได้เข้ารอบไฟนอลในงาน TechCrunch Distrupt ไปเมื่อไม่นานมานี้ โดย Ripio นั้นได้ดึงดูดนักลงทุน venture capital ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Tim Draper, Pantera Capital และ Medici Ventures ของ Overstock

โดยในตอนนี้ บริษัทสตาร์ทอัพดังกล่าวมีแผนการที่จะยกระดับความโปร่งใสให้กับตลาดการยืมเงินทั่วโลกผ่านการเปิดตัว Ripio Credit Network (RCN) โดยจุดมุ่งหมายของ RCN นั้นก็เพื่อทำให้ขั้นตอนการยืมเงินด้วยเครดิตมีความเป็นกลางมากขึ้น กล่าวคือจะตัดปัญหาเรื่องพรหมแดนระหว่างประเทศและอุปสรรคทางราชการออกไป ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ระบบการเงินและการธนาคารปัจจุบันกำลังใช้อยู่

โฆษณาที่คุณอาจสนใจ
“ด้วยประสบการณ์ทางด้านการเงินที่สั่งสมมานาน Ripio Credit Network เล็งที่จะสร้างเครือข่ายระดับโลกที่มีความเป็น decentralized และน่าเชื่อถือ ที่จะสามารถทำให้ไอเดียและโปรเจคต่างๆทั่วโลกสามารถเป็นจริงได้” กล่าวโดยนาย Sebastian Serrano หรือ CEO และผู้ก่อตั้งของ Ripio International

RCN นั้นจะหยิบเอา smart contract ของ Ethereum มาใช้สร้างแพลทฟอร์มแบบ decentralized ที่ผู้ให้ท่าน้และผู้ท่าน้สามารถเชื่อมต่อกันในรูปแบบ ‘trustless’ หรือไม่จำเป็นต้องมีความไว้วางใจกัน เนื่องจากว่าธุรกรรมนั้นจะไม่ได้ทำผ่านระบบธนาคาร ซึ่ง Ripio หวังว่าค่าธรรมเนียมในการบริหารนั้นจะลดลงไปอย่างมาก และจะส่งผลทำให้ผู้ท่าน้สามารถที่จะยืมเงินในอัตราดอกเบี่ยที่ต่ำมากกว่าธนาคารในปัจจุบัน

สิ่งที่ทำให้ RCN มีความแตกต่างจากระบบแพลทฟอร์มยืมเงินแบบ P2P อื่นๆนั้นก็คือ ‘co-signing agents’ โดยอ้างอิงจาก Ripio นั้น เทคโนโลยีดังกล่าวจะลดความเสี่ยงของผู้ให้ท่าน้โดยการจัดการหนี้ของผู้ท่าน้ในประเทศของผู้ท่าน้ และจะมีการเก็บหนี้ในกรณีผิดนัด

โดยอ้างอิงจากโรดแมปของ RCN นั้น ระบบเครือข่ายดังกล่าวจะถูกเปิดตัวในเดือนเมษายนปีหน้า โดยบริษัทดังกล่าวกำลังทยอยปล่อยเหรียญ RCN หรือสกุลเงินดิจิตอลหลักของแพลทฟอร์มดังกล่าวผ่านการระดมทุน ICO ที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทดังกล่าวก็ได้้เริ่มเปิดขาย pre-sale มาแล้วตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา

บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: bitcoin ครับ อีก เทรน ....
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2017, 06:57:58 PM »
สื่อท้องถิ่นในจีนนาม Jinse.com ได้ออกมารายงานว่ากฎหมายว่าด้วยการใช้สกุลเงินเสมือนจริง (virtual currencies) ในประเทศจีนนั้นจะถูกบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมปี 2017 ซึ่งก็คือวันพรุ่งนี้ โดยทาง Jinse ได้รายงานต่อว่ากฎหมายด้าน cryptocurrency นั้นได้ถูกนำมารวมกับ “กฎหมาย แพ่งทั่วไปของสาธารณรัฐประชาชนจีน” ที่ได้ผ่านการเห็นชอบในที่ประชุมเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

สกุลเงินเสมือนจริงนั้นจะถูกตราว่าเป็น “สินทรัพย์เสมือนจริง” ในวันที่ 1 ตุลาคม

Jinse รายงานว่า “กฎหมาย แพ่งทั่วไปของสาธารณรัฐประชาชนจีน” ที่จะถูกบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้จะมีการบังคับใช้กฎหมายด้าน cryptocurrency เป็นครั้งแรกของประเทศ โดยรายงานยังกล่าวว่าเหรียญเหล่านี้จะถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์เสมือนจริง” ภายใต้กฎหมายจีน ศาสตราจารย์ Deng Jianpeng ของวิทยาลัยการศึกษาแห่งหนึ่งกล่าวว่า “Bitcoin, [crypto]currency, และอื่นๆนั้นจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์เสมือนจริงด้วย”

การนำเอากฎหมายด้านสกุลเงินเหมือนจริงมาใช้ใน “กฎหมาย แพ่งทั่วไปของสาธารณรัฐประชาชนจีน” สามารถบ่งชี้ได้ว่าการกวาดล้างเว็บเทรดเหรียญคริปโตในประเทศจีนก่อนหน้านี้จะไม่ถือเป็นการสั่งห้ามการใช้งานสกุลเงินดังกล่าวทั่วประเทศ โดยสำนักข่าว Jinse ยังได้เผยให้เห็นว่า “ทางผู้ออกกฎหมายในจีนนั้นไม่เคยกล่าวถึงการห้ามใช้ Bitcoin มาก่อน ซึ่งหมายความว่าทางรัฐบาลไม่คิดว่า Bitcoin นั้นถือเป็นปัญหาในตัวมันเอง”

โฆษณาที่คุณอาจสนใจ
Jinse รายงานเพิ่มว่าการกวาดล้างเว็บกระดานซื้อขายนั้นมีที่มาจาก “แพลทฟอร์มเทรดเหรียญบางเว็บไม่ยอมปฏิบัติตามนโยบายป้องกันการฟอกเงิน และทำ KYC อย่างจริงจัง” ที่สำคัญ ยังมีรายงานต่อว่าเว็บเทรดเหรียญคริปโตใหญ่ๆในจีนนั้นจะสามารถเปิดให้บริการต่อได้หลังจากที่ธนาคารกลางเข้าสืบสวนแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าการสั่งปิดเว็บเทรดเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงแค่ชั่วคราว และไม่ควรที่จะมองว่าเป็นการสั่งห้ามใช้เหรียญ cryptocurrency ทั้งหมด

เว็บเทรดเหรียญ Bitcoin จะยังเปิดให้บริการหลังจากกฎหมายถูกบังคับใช้แล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานว่าทางรัฐบาลจีนได้ออกมาประกาศแบนการระดมทุนแบบ ICO และยังสั่งปิดเว็บผู้ให้บริการการซื้อขายเหรียญ cryptocurrency ในประเทศอีกด้วย ซึ่งเว็บเทรดทุกๆเว็บในประเทศจีนนั้นจะต้องปิดตัวลงก่อนวันที่ 1 ตุลาคมนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเว็บ OkCoin และ Huoni นั้นจะสามารถเปิดให้บริการได้ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม


 
ในสัปดาห์นี้ หนึ่งในเว็บผู้ให้บริการซื้อขาย Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในจีนได้หยุดให้บริการฝากเงินหยวนและ cryptocurrency แล้ว แม้ว่าเว็บดังกล่าวจะหยุดให้บริการในวันนี้วันสุดท้าย แต่พวกเขากล่าวว่าจะยังเปิดให้บริการถอนเงินไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2017 หลายๆคนออกมาวิเคราะห์ว่าการที่เว็บสองเว็บ OKCoin และ Huobi ยังคงเปิดให้บริการเทรดได้ตามปกติจนกระทั่งสิ้นเดือนตุลาคมนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าทางรัฐบาลต้องการจะให้พวกเขาเปิดให้บริการต่อไปในอนาคตก็อาจจะเป็นได้
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

  • พิมพ์
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 8   ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • เรื่องทั่วไป »
  • อื่น ๆ อีกมากมาย... »
  • bitcoin ครับ อีก เทรน ....
 

Risk Warning : ข้อมูลในเว็บไซค์นี้อาจถูกก๊อบปี้ข้อมูลบางส่วนจากสมาชิกบางท่าน แล้วนำไปดัดแปลงแก้ไขใหม่

คำเตือนการลงทุนมีความเสี่ยง : การซื้อขายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (forex) หรือผลิตภัณฑ์ CFD โดยเฉพาะการเทรดที่ใช้ Leverage สูง มีความเสี่ยงสูงโปรดพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ จึงอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน มูลค่าการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ และนักลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ไม่ว่าในสถานการณ์ใด ๆ เป็นความรับผิดชอบของตัวนักลงทุนเอง สำหรับการขาดทุนหรือสูญเสียทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งเป็นผลเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม ทั้งนี้ทางบอร์ดเป็นเพียงสื่อกลางในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถรับผิดชอบต่อผล กำไร/ขาดทุน จากการเทรดของสมาชิกเว็บบอร์ดได้นักลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

Powered by SMF 2.0 RC5 | SMF © 2006–2011, Simple Machines LLC | SMF Thailand