วิเคราห์และอัพเดตข่าวที่น่าสนใจ แบบตรง ๆ ดิบ ๆ

[Teerapong]

คุกรุ่น! คาตาโลเนียลงนามประกาศเอกราช-รัฐบาลสเปนประชุมด่วนวันนี้

วันอังคารที่ผ่านมา (10 ต.ค.) ประธานาธิบดีคาตาโลเนียลงนามประกาศเอกราชจากสเปน แต่จะยังไม่มีผลบังคับใช้ไปอีก 2-3 สัปดาห์เพื่อเปิดให้มีการเจรจา

คาร์ลส์ ปุยก์เดอมงต์ ประธานาธิบดีแคว้นคาตาโลเนีย ได้แถลงการณ์ ณ รัฐสภาคาตาลันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังมีการลงประชามติไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม

“คาตาโลเนียได้สิทธิที่จะกลายเป็นรัฐเอกราช” เขากล่าว เรียกร้องให้รัฐบาลสเปนยอมรับการไกล่เกลี่ย

ปุยก์เดอมงต์เน้นย้ำระหว่างแถลงการณ์ว่า ปัญหาของคาตาลันคือปัญหาของชาวยุโรป พร้อมย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องลดความตึงเครียด และเผยว่าวิธีเดียวที่จะดำเนินการได้คือกระทำโดยสันติและเป็นประชาธิปไตย

โซรายา แซนซ์ เดอ ซานตามาเรีย รองนายกรัฐมนตรีสเปน กล่าวว่า ปุยก์เดอมงต์ได้ทำให้คาตาโลเนียขาดเสถียรภาพ และคำแถลงของเขาก็แสดงชัดว่าเขาไม่รู้ทิศทางว่าตนกำลังมุ่งหน้าไปไหน

ซานตามาเรียระบุว่า รัฐบาลท้องถิ่นคาตาโลเนียไม่สามารถยืนยันผลการทำประชามติได้เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

“ไม่ว่าปุยก์เดอมงต์หรือใครก็ตาม ล้วนไม่สามารถวาดผลสรุปขึ้นมาเองจากกฎหมายที่ไม่มีอยู่จริง และจากการลงประชามติที่ไม่ได้เกิดขึ้น” เธอกล่าว พร้อมเสริมว่ากฎหมายที่ผ่านโดยรัฐสภาคาตาลันก็ผิดกฎหมายด้วย

ทั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลสเปนได้ประกาศให้มีประชุมด่วนในวันนี้ (11 ต.ค.) หลังปุยก์เดอมงต์ลงนามประกาศเอกราช

[Teerapong]

(Oct 12) เปิดรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมาพบว่า คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ แต่ยังขึ้นกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย : วันนี้ FOMC Minutes ของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. ซึ่งคณะกรรมการ FOMC ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.00-1.25 รายละเอียดโดยสรุป ดังนี้

1. ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ

คณะกรรมการยังคงประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวแบบ “moderate pace” ท่ามกลางการปรับลดการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในส่วนของผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Harvey, Irma และ Maria นั้น คณะกรรมการประเมินว่าจะส่งผลกระทบเพียงในระยะสั้น กล่าวคือ GDP และตัวเลขภาคการจ้างงานในช่วงไตรมาส 3 อาจปรับลดลง ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4 ต่อไป

- ภาคการใช้จ่ายผู้บริโภค: คณะกรรมการมองว่าภาคการใช้จ่ายผู้บริโภคขยายตัวแบบ moderate ในช่วง Summer ที่ผ่านมา โดยอาจมีความผันผวนอยู่บ้างจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน อย่างไรก็ดี คณะกรรมการยังคงประเมินว่าภาคการใช้จ่ายผู้บริโภคมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระยะต่อไป จากปัจจัยสนับสนุนหลายประการ เช่น ภาคการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง, Balance sheet ของภาคครัวเรือนปรับดีขึ้น และ ความมั่นใจของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับสูง เป็นต้น นอกจากนี้ Minutes ยังคงมีการกล่าวถึงการชะลอตัวของยอดขายรถยนต์ในช่วง Summer ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ผลิตชะลอการผลิตลง อย่างไรก็ตาม A couple of participants รายงานว่า ผู้ผลิตบางรายคาดการณ์ว่าอุปสงค์การซื้อรถยนต์มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นชั่วคราวในระยะต่อไป เนื่องจาก ภาคธุรกิจและครัวเรือนมีความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่เพื่อทดแทนรถยนต์ที่เสียหายจากเหตุการณ์พายุเฮอร์ริเคน

- ภาคการลงทุน: A number of participants รายงานว่า ผู้ประกอบการหลายรายมีความมั่นใจมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ นอกจากนี้ National Federation of Independent Business รายงานว่า บริษัทขนาดเล็กมีมุมมองในเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเช่นกัน และวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนใน Capital expenditures อนึ่ง A couple of participants ระบุว่าการแข่งขันที่สูงขึ้นและตลาดแรงงานที่ตึงตัวเพิ่มแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจลงทุนใน Capital ทดแทนการจ้างงาน รวมถึงเพิ่มการลงทุนเพื่อพัฒนาด้าน Information technology อีกด้วย

- ภาคการส่งออก: คณะกรรมการประเมินว่า เศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อภาคการส่งออกสหรัฐฯ ในระยะต่อไป

ทั้งนี้ ความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะสั้นเป็นไปในลักษณะ “roughly balanced” เช่นเดียวกับการประเมินในการประชุมครั้งก่อนหน้า

2. ภาคการจ้างงาน

ภาคการจ้างงานสหรัฐฯ ปรับแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยถึงแม้ว่าอัตราการว่างงานจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในช่วงเดือน มี.ค. - ส.ค. อัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า longer-run normal rate ทั้งนี้ Several participants กล่าวว่า ภาวะ Wage growth ที่ชะลอตัวสะท้อนถึงระดับ longer-run normal rate ที่อาจต่ำกว่าการคาดการณ์ ประกอบกับแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้างอื่นๆ ได้แก่ Productivity growth ที่อ่อนแอ โครงสร้างตลาดแรงงานที่เปลี่ยนไป และบริษัทนายจ้างที่ต้องการปรับลดต้นทุน เป็นต้น อย่างไรก็ดี Most participants คาดว่า Wage growth จะเร่งตัวขึ้นในระยะต่อไป ท่ามกลางภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้น

3. อัตราเงินเฟ้อ

คณะกรรมการยังคงคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะฟื้นตัวขึ้นและปรับเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2 ได้ในระยะ medium-term จากปัจจัยภาวะตึงตัวของภาคการจ้างงานประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี Several participants แสดงความกังวลว่าการปรับเข้าสู่ระดับเป้าหมายดังกล่าวของอัตราเงินเฟ้ออาจใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำในปีนี้ ได้รับแรงกดดันหลักจากปัจจัยด้าน idiosyncratic นอกจากนี้ คณะกรรมการหลายท่านมองว่าการปรับเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน และสินค้าอื่นๆ อันเป็นผลมาจากพายุเฮอร์ริเคนต่างๆ จะทำให้เกิดความซับซ้อนในการตีความอัตราเงินเฟ้อในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ คณะกรรมการมีการอภิปรายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในปีนี้อยู่ในระดับต่ำ และประเมินว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบเพียงชั่วคราว หรือเป็นปัจจัยที่จะคงอยู่ต่อไป โดย Some participants มองว่าผลกระทบจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมในการแข่งขันและกำหนดราคา จัดเป็น secular trend ที่อาจส่งผลกดดันอัตราเงินเฟ้ออย่างรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อของประเทศ advance economy อื่นๆ อยู่ระดับต่ำเช่นกัน อาจชี้ให้เห็นถึง common global factors ที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายมาเป็นเวลานานด้วยเช่นกัน โดยอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลให้ federal funds rate คงอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับ effective lower bound ขณะที่ Few participants ระบุว่าควรพิจารณาถึงผลต่ออัตราเงินเฟ้อจากความตึงตัวใน resource utilization ที่ยังไม่แสดงออกมา ซึ่งอาจทำให้เกิด upside risk หากภาคการจ้างงานยังคงแข็งแกร่งต่อไป

สำหรับมุมมองด้าน Inflation expectation นั้น Several participants มองว่าดัชนีชี้วัด Inflation expectation ทั้ง survey-based และ market-based ชี้ให้เห็นว่า Longer-run inflation expectation นั้นยังคง reasonably stable ขณะที่ Few participants มองว่าดัชนีชี้วัดบางตัวนั้นชี้ให้เห็นถึง Inflation expectation ที่อยู่ในระดับต่ำ

4. Financial Conditions & Financial Stability

คณะกรรมการประเมินว่า Financial conditions ยังคงอยู่ในระดับผ่อนคลาย โดยตลาดการเงินสหรัฐฯ เคลื่อนไหวตามข่าวเศรษฐกิจและการเงินจากต่างประเทศมากกว่าปัจจัยภายในประเทศในช่วงที่ผ่านมา อนึ่ง Many participants มองว่า Financial conditions ที่อยู่ในระดับผ่อนคลาย มีแนวโน้มสนับสนุนการขยายตัวทางเศรฐกิจของสหรัฐฯ ต่อไป ขณะที่ A couple of those participants แสดงความกังวลว่าหาก Financial conditions ยังคงอยู่ในภาวะผ่อนคลายต่อไปเป็นระยะเวลานาน จะเกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินได้ นอกจากนี้ Few participants มองว่าภาวะ Financial conditions ที่ผ่อนคลายอาจไม่กระตุ้น aggregate demand มากนัก เพราะอาจเป็นเพียงการสะท้อนมุมมองต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่ไม่ดีนัก รวมถึงมุมมองต่อ long-run neutral rate ของสหรัฐฯ ที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ

5. Monetary Policy

   5.1 Interest Rate Tools
   คณะกรรมการ FOMC ทุกท่านเห็นพ้องถึงความเหมาะสมในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.00-1.25 เนื่องจากภาพแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะปานกลางยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ร้อยละ 2 และ Neutral rate of interest rate ที่อยู่ในระดับต่ำ โดยระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังถือว่าอยู่ในลักษณะ accommodative ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาคการจ้างงานให้ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นและอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับร้อยละ 2 ได้อย่างยั่งยืน สำหรับในระยะต่อไปนั้น คณะกรรมการยังคงยืนยันท่าทีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป (gradual) โดยระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังคงอยู่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายใน longer-run ไปอีกระยะหนึ่ง (for some time) ทั้งนี้ path ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจที่ประเมินจากตัวเลขเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะกรรมการจะมีการติดตามอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์อย่างใกล้ชิดว่าสอดคล้องกับเป้าหมาย symmetric inflation goal ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือไม่

    สำหรับท่าทีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้นั้น คณะกรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหนึ่งครั้ง “later this year” หากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะ medium term เป็นไปตามการคาดการณ์ นอกจากนี้ Several participants ระบุเสริมว่าการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินในระยะเวลาอันใกล้จะขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจเป็นสำคัญ เนื่องจากภาพรวมด้านอัตราเงินเฟ้อยังมีความไม่แน่นอนอยู่ อย่างไรก็ดี A few participants ประเมินว่าควรเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไป จนกว่าจะมีข้อมูลยืนยันว่าการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อในปีนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อส่งสัญญาณการขยายตัวสู่ระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2 อย่างชัดเจน

อนึ่ง คณะกรรมการมีมุมมองที่แตกต่างกันในประเด็นแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงิน โดยคณะกรรมการหลายท่านแสดงความกังวลว่าการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น ส่งผลให้การตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินในลักษณะ“patience” เป็นสิ่งที่เหมาะสม ดังนั้น A few participants จึงเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะเวลาอันใกล้ นอกจากนี้ path ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรอยู่ในลักษณะ “quite shallow” อย่างไรก็ดี คณะกรรมการอีกส่วนหนึ่งแสดงความกังวลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้าเกินไปอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อ overshoot และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินและภาวะความไม่สมดุลอื่น ซึ่งยากที่จะแก้ไขภายหลัง นอกจากนี้ ความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้ออยู่ในลักษณะ “upside risks” มากกว่าเนื่องจาก เศรษฐกิจอยู่ในภาวะการจ้างงานสูงสุด รวมถึงตลาดแรงงานมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่อง

  5.2 Balance Sheet Tool

   คณะกรรมการ FOMC ทุกท่านเห็นพ้องถึงความเหมาะสมในการประกาศเริ่มดำเนินนโยบาย Balance sheet normalization ในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้ในการประชุมเดือน มิ.ย. ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจในระยะ medium term ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยรายละเอียดการปรับลดขนาด Balance sheet เป็นไปตามรายงาน Policy Principle Normalization Principles and Plans ที่เผยแพร่ในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คณะกรรมการระบุว่าการปรับขนาด Balance sheet จะเป็นไปในลักษณะ “gradual” สอดคล้องกับความเข้าใจของนักลงทุน ดังนั้น คณะกรรมการจึงคาดว่าผลกระทบต่อตลาดการเงินจากนโยบายปรับลดขนาด Balance sheet จะอยู่ในระดับที่จำกัด

Source: BOTSS

เพิ่มเติม
1. Fed minutes: December rate hike all but certain despite low inflation:
https://www.cnbc.com/2017/10/11/fed-minutes-december-rate-hike-all-but-certain-despite-low-inflation.html

2. The Fed is worried that it won't achieve one of its key objectives for a while: http://www.businessinsider.com/fed-minutes-september-2017-meeting-balance-sheet-inflation-2017-10

3.  รายงานการประชุมของเฟดเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.  https://www.federalreserve.gov/monetarypolicy/files/fomcminutes20170920.pdf

[Teerapong]

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นเงินเฟ้อ โดยเจ้าหน้าที่เฟดจำนวนหนึ่งยังคงมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล หากแนวโน้มเศรษฐกิจระยะกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดบางคนได้แสดงความเชื่อมั่นว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เฟดอีกจำนวนหนึ่งกล่าวว่า การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น ควรพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นหลัก โดยเจ้าหน้าที่บางคนมองว่า เฟดยังไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะกลาง

[admin]

ขอบคุณครับท่านที 

[Fadhil2557]

ขอบคุณครับท่านที

[narjant]

จัดไปครับ   ท่าน  tee 

[Chooddy]

ขอบคุณครับผม


เมื่อกี้เปิดดูคู่เงิน Bitcoin วันนี้ทำ New High ซะด้วยละที่ 5,251$ (โอ้ว...ใครมีซักเหรียญนี่ถือว่ารวยเลยน๊ะเนี๊ยะ) 

[Teerapong]

อิสราเอลขานรับสหรัฐถอนตัวจากยูเนสโก ขณะเตรียมเดินตามรอย
อิสราเอล ขานรับการตัดสินใจของสหรัฐในการประกาศถอนตัวออกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และอิสราเอลกำลังพิจารณาถอนตัวตามสหรัฐ
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแถลงเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะถอนตัวออกจากองค์การยูเนสโก เนื่องจากยูเนสโกมีแนวโน้มต่อต้านชาวยิว ซึ่งการถอนตัวของสหรัฐ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 ธ.ค.2561 ซึ่งหลังจากนั้น สหรัฐจะมีสถานะเป็นประเทศสังเกตุการณ์ที่ไม่เป็นสมาชิกของยูเนสโก
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวยกย่องการดำเนินการของสหรัฐว่า เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ และมีคุณธรรม พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล เตรียมพร้อมที่จะถอนตัวออกจากองค์การยูเนสโกเช่นเดียวกัน โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันเดียวกันกับสหรัฐ
ในช่วงต้นปีนี้ ยูเนสโก สร้างความไม่พอใจต่ออิสราเอลด้วยการขึ้นทะเบียนเมืองเฮบรอนเป็นเมืองมรดกโลก โดยระบุว่าเมืองดังกล่าวตั้งอยู่ในรัฐปาเลสไตน์

[admin]

ขอบคุณครับท่านที

[Teerapong]

Today
07.00 Reserve Bank of Australia Financial Stability Review 
08.15 China Trade Balance
13.00 Germany Consumer Price Index (CPI)
19.30 U.S. Core Consumer Price Index (CPI)
19.30 U.S. Core Retail Sales
21.00 U.S. Michigan Consumer Sentiment

ค่ำคืนนี้ โอกาศสุดท้ายของดอลลาร์แล้ว จะวิ่ง จะแป๊ก ก็ค่ำคืนนี้นี้ชี้ชะตะ หรือ มรณะ

ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐเริ่มสะดุดกับผลประกอบการนำล่องโดยAT&T JPMorgan and Citigroup เราเฮฮา มาสองไตรมาสที่ออกมาแจ่มๆ แต่ไตรมาสที่สาม อาจเป็นคนละสตอรี่ มารอดูกัน

ดอลลาร์ โอกาศสุดท้ายสำหรับท่านแล้ว โดยรวมมองว่าน่าจะออกมาดีเพราะ จากตัวเลขจ้างงาน ตัวเลขค่าจ้าง ตัวเลขของราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวดีขึ้น และผลกระทบจาพายุที่ต่ำคาด ล้วนส่งผลดีทั้งนั้น

UJ นักวิเคราะห์ลุ้น 113 สำหรับตัวเลขที่ออกมาดี แต่ถ้าพลิกล็อกถล่มทลาย ก็ 112

GBP เขาเล่าเมื่อเคืนวันพุธก่อนปิดตลาด หลังจากมีรายงานการประชุมของ ECB ออกมา ด้วยท่าทีผ่อนคลายกับอังกฤษ เรื่อง Brexit ถึงแม้ว่าภาพรวมจะดีต่อ อังกฤษ และ GBP แต่นักผจญดอยกลับมองว่า เป็นการเล่นเกมส์ของ EU เทขาย GBP สะงั้น แต่โดยสรุปดูเหมือนว่า จะยังไม่ชัดเจนกับท่าทีของนักขึ้นดอยที่มีต่อ GBP ว่าจะไปทางใหน ส่วนเรื่องขึ้นดอกเบี้ยกกับลุงคาร์นี่ย์ ก็ดูเหมือนลมเพลมพัด น่าจะไซต๋เวย์ เหวี่ยง ทุบ เหวี่ยง ทุบไปก่อน มั๊ง

EUR ลุ้นลุงยาสีฟันกันเมื่อวาน แล้วลุงยาสีฟันก็พาผิดหวังตามคาด ลุงบอกว่า รอดูเรื่องอัตราค่าจ้างก่อน ทาง ECB คิดว่าอัตราค่าจ้างใน Eurozone ยังต่ำไป ลุงมาแนวพิราบแระ งั้นไอ้ที่ลุ้นกัน เก็งกันจะแผ่วใหมเนี่ย สงสัยจะมาได้แค่ 1.1800 หรือ อาจเเถวๆ 1.1770 เต็มที่

CAD เมื่อวานตัวเลขราคาน้ำมันไม่แจ่ม ตัวเลขเศรษฐกิจไม่จรัส แถม Canadian yields อ่อนตัวลง ดอลลาร์อ่อนตัว ทิศทางระยะสั้นน้องแมวเหมียวไม่ชัดเจน

AUD น้องอุ๊ เห็นว่าราคา stronger data, rising gold, iron ore and copper prices ทำให้น้องอุ๊ยังแข็งแรง

NZD  ลุ้นคืนนี้ New Zealand’s manufacturing PMI index  เช้าที่ทั้ง AUD NZD ลุ้นตัวเลขจีนก่อน

OIL ว้าเมื่อวานแย่จุง ทาง IEA งวดนี้ไม่เหยี่ยววุ้ย กับออกมาบอกว่า ภาพรวมปีหน้า ความต้องการน้ำมันไม่เพิ่ม ถัวไปกับข่าวดีที่สต็อกน้ำมันสหรัฐลดต่อเนื่อง ไม่รู้ยังไงเหมือนกัน

GOLD ลุ้นค่ำๆนี้กับตัวเลขเงินเฟ้อ และ ค้าปลีกสหรัฐ ดูท่าว่า ถ้านู๋คิมไม่ยิง สงสัยสักระยะมีเทขายแน่ๆ

ตลาดผัก อืมมม ว่าไปตามกราฟ แต่ว่าวันนี้เป็นวันหยุด

วันจะเดินทางออกทะเล ฉนั้นช่วงวันหยุดไม่มีข่าวมั่ว นะครับ

[Chooddy]

ขอบคุณครับท่านที

 

[Chooddy]

มาอีกแล้วเมล์วิเคราะห์ประจำสัปดาห์จาก NordFX (ขอบอกเอาไว้ก่อนน๊ะผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางโบร๊คฯ นี้น๊ะ พอดีเคยเข้าแข่งเทรดเดโมอยู่พักนึง แล้วมันก็ส่งข่าวมาให้ประจำ เห็นวิเคราะห์แล้วมีประโยชน์เลยนำมาฝากเพื่อน ๆ ในบอร์ดเท่านั้นเอง เพื่อจะได้ประกอบการพิจารณาในการเปิดออร์เดอร์)

บทวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์สำหรับค่าเงิน EURUSD, GBPUSD, USDJPY และ USDCHF ประจำวันที่ 16 - 20 ตุลาคม 2560
 
อันดับแรกเป็นการทบทวนบทวิเคราะห์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
- ในครั้งที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจำนวนส่วนมากคาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยให้คำทำนายว่าคู่ EUR/USD จะถอยลงมาที่แนวรับ 1.1660 ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม จุดต่ำสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่เหนือจุดดังกล่าวเพียง 60 จุดที่ระดับ 1.1720 ในส่นคำทำนายจากการวิเคราะห์กราฟซึ่งสนับสนุนโดย H4 และนักวิเคราะห์จำนวน 15% ปรากฏออกมาถูกต้องโดยได้ให้บทวิเคราะห์ว่าแนวโน้มราคาคู่นี้จะวกกลับและขยับเข้าสู่ขาขึ้นในช่วงแรกที่แนวต้าน 1.1835 และในกรณีที่ทะลุราคาได้จะขยับขึ้นไปอีกที่ 1.2035 โดยคำทำนายนี้ปรากฏว่าเกิดขึ้นจริง แต่ราคาไม่สามารถปิดตัวที่แนวต้านดังกล่าวได้สำเร็จจึงปิดตลาดท้ายสัปดาห์ใกล้ระดับ 1.1820

- เมื่อกล่าวถึงอนาคตของคู่สกุล GBP/USD มีนักวิเคราะห์จำนวน 45% ที่มั่นใจว่าราคาจะไม่สามารถทะลุแนวรับระยะกลางในโซน 1.3000-1.3045 และคล้ายกันกับ EUR/USD ราคาจะขยับขึ้น โดยหนึ่งในสามของออสซิลเลเตอร์ในกรอบ H4 และ D1 ได้ให้สัญญาณว่าราคาถูกขายมากเกินไปและเห็นด้วยกับคำทำนายนี้โดยได้ตั้งเป้าหมายสุดท้ายไว้ที่ระดับ 1.3250 ทั้งนี้ราคาได้ไต่ถึงครึ่งแรกในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากนั้นราคาก็ตกลงมาเป็นจำนวน 140 จุด อย่างไรก็ตาม แรงหมีในกราฟขาลงนั้นไม่เพียงพอทำให้กราฟกระทิงฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ ราคาจึงปิดตลาดที่ระดับ 1.3282

- หนึ่งในคำทำนายโดยหนึ่งในสามของผู้เชี่ยวชาญและดัชนีในกรอบ H4 ส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ว่าก่อนที่คู่ USD/JPY จะขยับขึ้นต่อไป คู่สกุล USD/JPY จะทดสอบเพดานด้านล่างในช่วง 111.75-112.00 ซึ่งเรื่องนี้ปรากฏขึ้นจริง ราคาอ่อนค่าลงประมาณ 80 จุดในช่วงตลอดสัปดาห์และปิดตัวที่ช่วง 111.83

- สำหรับคู่ USD/CHF ดัชนีส่วนมากและการวิเคราะห์กราฟให้สัญญาณว่าราคาจะพยายามขยับให้ถึงจุดสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 0.9835 ก่อนที่จะลดกลับลงมาที่ค่าแนวรับ 0.9770 และถ้าหากพยายามทะลุระดับนี้ได้อย่างสำเร็จ ราคาจะขยับลดลงมาอีกที่ 0.9685 ซึ่งคำทำนายเหล่านี้ต่างเกิดขึ้นจริงแม้ว่าการเคลื่อนที่ของราคามีความผันผวนน้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ในช่วงแรก ราคาได้ขยับขึ้นไปที่ระดับ 0.9806 และกลับไปสู่ค่าแนวรับ 0.9770 จนราคาทะลุกรอบปรับตัวลงไปที่เพดานด้านล่าง 0.9700 โดยราคาได้ปิดตลาดท้ายสัปดาห์ในโซน Pivot Point ของเดือนตุลาคมที่ 0.9745
***
บทวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์สำหรับสัปดาห์นี้
จากการสรุปความคิดเห็นของบรรดานักวิเคราะห์จากธนาคารและบริษัทโบรกเกอร์ชั้นนำต่างๆ รวมถึงคำคาดการณ์ที่วิเคราะห์จากพื้นฐานทางเทคนิคและสถิติกราฟ เราจึงสามารถสรุปผลวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้

- EUR/USD: จากเหตุการณ์ความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ คำแถลงการณ์เกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน การสู้รบในซีเรีย โอกาสการขึ้นราคาน้ำมัน การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารธนาคารกลางสหรัฐฯ และการประชุมสุดยอดผู้นำด้านเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปวาระพิเศษ เหตุการณ์เหล่านี้และเหตุการณ์อีกมากมายเป็นปัจจัยให้สถานการณ์เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถให้ความเห็นที่เป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับอนาคตอันใกล้หรือแม้แต่ในระยะกลางได้ โดย 45% ของผู้เชี่ยวชาญคาดว่าราคาจะขยับขึ้น ในขณะที่อีก 45% เห็นว่าราคาจะปรับตัวลดลง และอีก 10% กลับไม่ได้ให้คำตอบชัดเจนใดๆ
ในส่วนของดัชนีต่างๆ ให้ผลลัพธ์เดียวกันกับนักวิเคราะห์ในกรอบ H4 แต่สำหรับในกรอบ D1 สถานการณ์มีความแน่นอนมากกว่า: โดย 80% ของดัชนีให้สัญญาณสีเขียว อย่างไรก็ตามอีก 20% ของออสซิลเลเตอร์ให้สัญญาณเป็นสีแดงโดยชี้ว่าคู่สกุลนี้อยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป
ท้ายที่สุด การวิเคราะห์กราฟได้สรุปผลวิเคราะห์จากกรอบ H4 และ D1 โดยสามารถขีดเส้นแนวรับได้ที่ระดับ 1.1750, 1.1685 และ 1.600 และเส้นแนวต้านที่ 1.1920 และ 1.2030

- สถานการณ์สำหรับคู่ GBP/USD ดูชัดเจนกว่าเมื่อเทียบกับคู่ EUR/USD เล็กน้อย ในที่นี้นักวิเคราะห์กว่า 55% รวมถึงการวิเคราะห์กราฟในกรอบ D1 เห็นว่าราคาจะปรับตัวลงโดยคาดการณ์ว่าราคาคู่นี้จะลดลงไปที่ระดับแนวรับ 1.3150 และในกรณีที่สามารถทะลุกรอบนี้ได้จะลงไปได้อีก 110 จุด โดยลดลงไปที่ระดับ 1.3040
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 45% ที่เหลือและดัชนีจำนวนมาก (85%) เชื่อว่าแนวโน้มราคาสัปดาห์ที่แล้วจะยังคงดำเนินต่อไป และราคาจะขยับขึ้นสู่ระดับแนวต้านที่ 1.3450 และแนวต้านถัดไปที่ 1.3600 อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้อาจมีการปรับตัวลดลงบ้างเล็กน้อยในช่วงตต้นของสัปดาห์ เนื่องจากออสซิลเลเตอร์จำนวนหนึ่งในสี่บ่งชี้สัญญาณแล้วว่าราคายังคงอยู่ในภาวะถูกซื้อมากเกินไป

- สำหรับคู่ USD/JPY หนึ่งในสี่ของออสซิลเลเตอร์ในทั้งในกรอบ H4 และ D1 บ่งชี้ว่าราคาถูกขายมากเกินไป บทวิเคราะห์นี้ได้รับการยืนยันโดยความเห็นของผู้เชี่ยวชาญส่วนมากซึ่งคาดว่าราคากำลังจะขยับถึงเพดานด้านบนในช่องระยะกลางที่ 108.00-114.50 และคาดว่าน่าจะขยับก้าวกระโดดขึ้นอีก
อย่างไกร็ตาม ควรคำนึงด้วยเช่นกันว่าขณะนี้ราคายังคงอยู่ในช่วงโซน Pivot Point ดังนั้นราคาอาจจะอยู่ในช่วงนี้สักระยะโดยจะขยับในโซน 110.65-112.20

- สุดท้ายนี้เป็นบทวิเคราะห์คู่สกุล USD/CHF โดยการวิเคราะห์กราฟ ดัชนีเทรนด์ราคา และออสซิลเลเตอร์ต่างให้ความเห็นที่เป็นกลาง ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์กราฟในกรอบ H4 จะสามารถสังเกตเห็นน้ำหนักที่เทไปทางแรงกระทิงมากกว่าเล็กน้อย โดยคาดว่าราคาอาจพยายามขยับในช่วง 0.9800-0.9835
สำหรับผู้เชี่ยวชาญจำนวน 75% ได้เทคะแนนเสียงว่าราคาจะปรับตัวลดลง โดยมีระดับแนวรับที่ 0.9700, 0.9670 และ 0.9560.
 
โรมัน บุทโก, NordFX

[neoben]

   ขอบคุณครับ 

[Teerapong]

เมื่อคืนนี้ Dollar แข็งค่า ทำให้ทองลงแรงจากข่าวนี้ครับ
ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากถ้อยแถลงของนางเยลเลน ซึ่งขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างทวีปอเมริกา (IDB) ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเยลเลนระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างมั่นคง เช่นเดียวกับตลาดแรงงานก็อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้
 
ถ้อยแถลงล่าสุดของเยลเลนทำให้เกิดกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่ตลาดแรงงานก็อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง

[admin]

ขอบคุณครับ UJ เมื่อวานขึ้นเช้านี้ปรับตัวลงแล้ว