• กิจกรรมทายผล
  • การแข่งขัน
  • ติดต่อสอบถาม
  • สนับสนุนเว็บบอร์ด

src="/ckfinder/userfiles/images/(CPI)%20%2B%20Inflation%20Rate%20.png" width="30%" height="120">

  • หน้าแรก
  • โบรคเกอร์
    • เปรียบเทียบบัญชีโบรคเกอร์
    • ตราวจสอบ Reabate Exness ประจำวัน
    • การแข่งขัน webTrader Contest
  • ปฏิทิน
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • blogger
 

  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • FOREX NEWs / ปฏิทินเศรษฐกิจประจำวัน »
  • ข่าวเกียวกับ Forex (ผู้ดูแล: narjant) »
  • ผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยต่อดัชนีอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • พิมพ์
หน้า: [1]   ลงล่าง

ผู้เขียน หัวข้อ: ผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยต่อดัชนีอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ  (อ่าน 703 ครั้ง)

ออฟไลน์ Teerapong

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 9020
  • LIKE: 146
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยต่อดัชนีอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2017, 09:08:24 AM »
เมื่อพูดนโยบายการเงิน ประเด็นที่มองข้ามไม่ได้เลยในช่วงนี้ ก็คือเรื่องของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีมุมมองจากนักวิเคราะห์หลายท่านที่คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยน่าจะไม่ได้มีการปรับเพิ่มในปีนี้ อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญนั้นไม่ได้อยู่แค่ว่าจะปรับขึ้นหรือไม่ แต่สำคัญที่ว่าถ้ามีการปรับขึ้นแล้วควรจะทำอย่างไร เมื่ออัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือที่เชื่อมเข้ากับทุกภาคส่วนทางเศรษฐกิจ

ในแง่ของนักลงทุนนั้น มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตสูงขึ้น ซึ่งนักลงทุนอาจจะลดความสนใจในการลงทุนในหุ้นหลาย ๆ ตัว แต่ทว่าการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้นมีผลต่อดัชนีของอุตสาหกรรมไม่เท่ากัน จากการศึกษาของ ผศ.ดร.ธีรวุฒิ ศรีพินิจ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหัวข้อ The Effects of Monetary Policy on Regional Inflation and Sectoral Economy: A Case of Thailand ได้ข้อสรุปว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ย สามารถแบ่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมได้ 4 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจน้อย ซึ่งได้แก่ กระดาษและสิ่งพิมพ์ การท่องเที่ยวและการพักผ่อน การบริการทางการแพทย์ กลุ่มยา และ พาณิชย์กรรม
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจาก เป็นอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างเกี่ยวเนื่องและมีความจำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่อาจไม่ได้มีความจำเป็นเหมือนกับกลุ่มที่หนึ่ง ได้แก่ แฟชั่น การห่อพัสดุ สื่อและสิ่งพิมพ์ เหมืองแร่ กลุ่มอาชีพบริการ อาหารและเครื่องดื่ม
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบพอสมควร ได้แก่ บริการทางการเงิน พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ อุตสาหกรรมเกษตร และ ธนาคาร
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากประกอบด้วย 5 อุตสาหกรรม คือ พลังงาน เคมีภัณฑ์ การขนส่ง การก่อสร้าง และ อุปกรณ์ไฟฟ้าและ อิเลกทรอนิกส์
ที่มา: เอกสารการสัมมนาทางวิชาการคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยศาสตร์ประจําปี 2560 ครั้งที่ 39
หลังจากที่วิเคราะห์ว่าถ้ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วจะมีผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมแต่ละกลุ่มในตลาดอย่างไร ก็ต้องกลับมาตั้งคำถามต่อว่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ?

ปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณาอันดับแรก ก็คือ เป้าหมายของธนาคารกลาง อย่างของธนาคารกลางสหรัฐ ก็ดูเป้าหมายสำคัญ 2 เป้าหมาย คือ การจ้างงานเต็มที่ และการมีอัตราเงินเฟ้อที่ร้อยละ 2 สำหรับประเทศไทยนั้น ให้ความสำคัญกับการดูแลให้เงินเฟ้อของประเทศอยู่ในอัตราที่เหมาะสม ตามที่ได้ประกาศเอาไว้ในเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายการเงิน ภายใต้กรอบเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น (flexible inflation targeting)

ปัจจุบัน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% และสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2559 ยังต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายติดต่อกันเป็นปีที่สองแล้ว โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.19% ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มองว่า ทั้งปี 2560 นี้ น่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสนับสนุนให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการฟื้นตัวกลับสู่เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อก่อน

แม้จะมองว่าน่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงระยะสั้นนี้ แต่ก็อยากให้พิจารณาถึงภาวะการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นและส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในอนาคต โดยปกตินั้นการรายงานตัวเลขภาวะเงินเฟ้อเป็นการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ซึ่งจะทำให้นักลงทุนโดยทั่วไปวางแผนและหาจังหวะปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ช้ากว่านักลงทุนที่ใช้ Macroeconomic Indicator ประกอบการพิจารณา โดยเฉพาะตัวที่เป็นดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Indicator) อย่างดัชนีชี้นำวัฏจักรเงินเฟ้อ (Leading Inflation Index) ที่จัดทำโดยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งสามารถใช้คาดการณ์ทิศทางภาวะเงินเฟ้อล่วงหน้าได้ประมาณ 7-9 เดือน ประกอบด้วย 7 ตัวแปร คือ

อัตราการขยายตัวของดัชนีราคาสินค้าวัตถุดิบอุตสาหกรรมโลก
อัตราการขยายตัวของดัชนีราคาน้ำมันโลก
ส่วนกลับของดัชนี Term of Trade เป็นตัวที่สะท้อนภาวะเงินเฟ้อจากผลของการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออกและนำเข้า
อัตราการขยายตัวของปริมาณเงินตามความหมายกว้าง
อัตราการขยายตัวของอัตราการใช้กำลังการผลิต เป็นตัวแปรชี้วัดระดับการผลิตของภาคอุตสาหกรรม
อัตราการขยายตัวของดัชนีราคาสินค้านำเข้า
อัตราการขยายตัวของสิทธิเรียกร้องในประเทศ ซึ่งเป็นตัวแปรที่สะท้อนถึงปริมาณสินเชื่อในประเทศ
ซึ่งนักลงทุนสามารถติดตามรายงานของดัชนีเหล่านี้ได้ทาง http://www.price.moc.go.th/default5.aspx
บันทึกการเข้า
ผู้ชนะ...ไม่พูดคำท้อ

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Gold Master
  • *****
  • กระทู้: 44186
  • LIKE: 482
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: ผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยต่อดัชนีอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2017, 09:11:18 AM »
ขอบคุณมากครับ กระทบมาถึงบ้านเราเหมือนกัน 
บันทึกการเข้า
forex เป็นการลงทุนที่มีความเสียงสูงผู้ลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

ออฟไลน์ narjant

  • Moderator
  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: ผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยต่อดัชนีอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2017, 11:29:36 AM »
ขอบคุณครับ ท่าน  tee  m:17 m:17
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

  • พิมพ์
หน้า: [1]   ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • FOREX NEWs / ปฏิทินเศรษฐกิจประจำวัน »
  • ข่าวเกียวกับ Forex (ผู้ดูแล: narjant) »
  • ผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยต่อดัชนีอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ
 

Risk Warning : ข้อมูลในเว็บไซค์นี้อาจถูกก๊อบปี้ข้อมูลบางส่วนจากสมาชิกบางท่าน แล้วนำไปดัดแปลงแก้ไขใหม่

คำเตือนการลงทุนมีความเสี่ยง : การซื้อขายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (forex) หรือผลิตภัณฑ์ CFD โดยเฉพาะการเทรดที่ใช้ Leverage สูง มีความเสี่ยงสูงโปรดพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ จึงอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน มูลค่าการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ และนักลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ไม่ว่าในสถานการณ์ใด ๆ เป็นความรับผิดชอบของตัวนักลงทุนเอง สำหรับการขาดทุนหรือสูญเสียทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งเป็นผลเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม ทั้งนี้ทางบอร์ดเป็นเพียงสื่อกลางในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถรับผิดชอบต่อผล กำไร/ขาดทุน จากการเทรดของสมาชิกเว็บบอร์ดได้นักลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

Powered by SMF 2.0 RC5 | SMF © 2006–2011, Simple Machines LLC | SMF Thailand