สถานการณ์ Investing.com

[narjant]

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเน้นย้ำในวันนี้ว่า ความไม่แน่นอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กำลังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ

"ความไม่แน่นอนเหล่านี้มีขนาดใหญ่มาก และกำลังส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของเฟด ซึ่งการใช้นโยบายการเงินที่เหมาะสม จะขึ้นอยู่กับว่าความไม่แน่นอนเหล่านี้

มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไป"

นางเยลเลนเสริมว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัย 4 ประการ ซึ่งได้แก่ อุปสงค์ที่ชะลอตัว, ประสิทธิภาพการผลิตที่ลดลง, อัตราเงินเฟ้อ และความเสี่ยงจากภายนอกประเทศ

อย่างไรก็ดี ประธานเฟดชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

"หากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เข้ามามีความสอดคล้องกับสภาวะในตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อไป ก็มีแนวโน้มที่จะมีความเหมาะสม และเอื้อต่อการบรรลุ และรักษาเป้าหมายเหล่านี้" นางเยลเลนกล่าว

"ดิฉันมองเห็นเหตุผลที่ดีที่จะคาดว่าปัจจัยบวกที่สนับสนุนการขยายตัวของการจ้างงานและการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ จะยังคงมีอิทธิพลเหนือปัจจัยลบ ซึ่งผลที่ตามมานั้น ดิฉันคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น และจีดีพีมีการขยายตัวในระดับปานกลาง" เขากล่าว

นางเยลเลนระบุว่า ตลาดแรงงานโดยรวมค่อนข้างสดใส การรายงานการดิ่งลงของการขยายตัวในการจ้างงานจึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง

อย่างไรก็ดี นางเยลเลนระบุว่า ตลาดไม่ควรตื่นตระหนกมากเกินไปต่อรายงานการจ้างงานเพียงเดือนเดียว โดยระบุว่า สภาวะตลาดแรงงานโดยทั่วไปค่อนข้างสดใส ถึงแม้ว่าภาวะชะลอตัวในการจ้างงานทำให้ต้องมีการจับตามองอย่างใกล้ชิด

นางเยลเลนยังระบุว่า การขยายตัวของค่าจ้างอาจฟื้นตัวขึ้นในที่สุด
นางเยลเลนระบุว่าเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ไม่ได้มีการระบุถึงกำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ประธานเฟดยังกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะต้องเกิดขึ้น ก่อนที่จะมีการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจทั้งหมดของเฟด

ทั้งนี้ การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญของนางเยลเลนมีขึ้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ในการประชุม World Affairs Council of Philadelphia ซึ่งเป็นการแสดงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินของสหรัฐ และเป็นการแสดงความเห็นของประธานเฟดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี รวมทั้งเป็นการกล่าวแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดต่อสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 มิ.ย.

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2436433

[vanthip]

 

[admin]

ขอบคุณมากครับ 

[wee]

ข่าวแดงแซงตลอด

[Fadhil2557]

ขอบคุณครับ

[Fadhil2557]

อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบสู่เอเชียเม.ย. เพิ่มขึ้น 13% เอเชียนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านราว 1.32 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเม.ย. โดยเพิ่มขึ้น 13.3% จากเดือนเดียวกันในปีก่อน เอเชียนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านราว 1.32 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเม.ย. โดยเพิ่มขึ้น 13.3% จากเดือนเดียวกันในปีก่อน ในขณะที่รัฐบาลอิหร่านพยายามเรียกคืนส่วนแบ่งตลาดของตนเองที่เคยสูญเสียไปภายใต้มาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ โดยยอดส่งออกน้ำมันดิบอิหร่านสู่อินเดียและเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และปัจจัยนี้ช่วยบดบังการดิ่งลงอย่างรุนแรงของยอดส่งออกสู่ญี่ปุ่น รายงานยอดส่งออกนี้สอดคล้องกับตัวเลขการขนถ่ายน้ำมันที่รอยเตอร์เคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้ และรายงานยอดส่งออกนี้ยืนยันว่าอิหร่านกำลังเรียกคืนส่วนแบ่งตลาดได้อย่างรวดเร็วเกินคาด หลังจากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในเดือนม.ค.ปีนี้ ตัวเลขยอดส่งออกน้ำมันดิบอิหร่านสู่เอเชียอาจจะพุ่งขึ้นกว่านี้ได้อีกมากในเดือนเม.ย. ถ้าหากญี่ปุ่นไม่ได้ระงับการขนถ่ายน้ำมันในเดือนมี.ค. โดยเป็นผลจากปัญหาเรื่องการประกันการขนส่ง โดยปัญหานี้ได้รับการคลี่คลายแล้ว ญี่ปุ่น, จีน, อินเดีย และเกาหลีใต้ถือเป็นกลุ่มประเทศลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอิหร่าน โดยประเทศกลุ่มนี้นำเข้าน้ำมันรวมกัน 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเม.ย. ยอดส่งออกน้ำมันดิบอิหร่านสู่เอเชียมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเกือบ 60% ต่อปีในเดือนพ.ค. โดยอาจพุ่งขึ้นสู่ 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ค. อิหร่านเคยส่งออกน้ำมันราว 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 2-3 ปีก่อนปี 2012 โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นการส่งออกน้ำมันสู่ประเทศอื่นๆในเอเชีย โดยเฉพาะจีน, เกาหลีใต้, อินเดีย และญี่ปุ่น

http://goo.gl/4B8y3O

[admin]

ขอบคุณมากครับ แหล่งข่าวดี ๆ

[vanthip]