สถานการณ์ Investing.com

[narjant]

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 19.66 จุด ตลาดจับตาถ้อยแถลง เยลเลน
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 29 มีนาคม 2559 06:32:56 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูการแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,535.39 จุด เพิ่มขึ้น 19.66 จุด หรือ +0.11% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,766.79 จุด ลดลง 6.71 จุด หรือ -0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,037.05 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด หรือ +0.05%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 3.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 109.1 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีจะปรับตัวขึ้นเพียง 1.2% ในเดือนก.พ.

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังได้ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาส 4 ปี 2558 เป็น 1.4% จากการประมาณการครั้งก่อนที่ 1.0%

หุ้นสตาร์วูด โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ท เวิลด์ไวด์ พุ่งขึ้น 2% หลังจากมีรายงานว่า อันบัง อินชัวแรนซ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ของจีน กลับมาเสนอซื้อกิจการของสตาร์วูด โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ท เวิลด์ไวด์ อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของเครือโรงแรมขนาดใหญ่ของโลก ในวงเงิน 1.503 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเสนอวงเงิน 1.441 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี ดิ่งลง 8.2% ส่วนหุ้นเฮสส์ คอร์ป และหุ้นเทโซโร คอร์ป ต่างก็ร่วงลงกว่า 2.4%

นักลงทุนจับตาดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐนิวยอร์ก ในวันนี้ เพื่อจับสัญญาณว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมี.ค. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2392264

[narjant]

[admin]

ขอบคุณมากครับ 

[wee]

 

[friday]

ขอบคุณมากครับ

 

[narjant]

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -28 ส.ค. 58 15:08 น.

   ธปท. ผ่อนเกณฑ์รายย่อย - นิติบุคคล ลงทุนโดยตรงใน ตปท. เริ่มปีหน้า ไฟเขียวรายย่อยที่มีสินทรัพย์สภาพคล่อง 100 ลบ.- นิติบุคล 1-5 พันลบ.ลงทุนหลักทรัพย์-อนุพันธ์ ตปท.ได้ วงเงินไม่เกิน 5 ล้านเหรียญ ก่อนเปิดให้รายย่อยทั่วไปสามารถลงทุนโดยตรงได้ในปี 60 หวังสนับสนุนการกระจายความเสี่ยงการลงทุน 

      นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยสามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้โดยตรงโดย ไม่ผ่านตัวกลาง เพื่อสนับสนุนให้คนไทยกระจายความเสี่ยงการลงทุน โดยมีทางเลือกการติดต่อกับสถาบันการเงินในต่างประเทศเพื่อลงทุนได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป
     ทั้งนี้  จะเริ่มจากนักลงทุนรายย่อยที่มีความพร้อมมากที่สุด ซึ่งจะเรียกว่าเป็นนักลงทุนประเภทที่ 1 นั่นคือรายย่อยที่มีสินทรัพย์สภาพคล่อง 100 ล้านบาทขึ้นไป และหากเป็นนิติบุคคลจะต้องมีสินทรัพย์สภาพคล่องตั้งแต่ 1,000-5,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงเงินฝากในต่างประเทศ และอนุพันธ์ทั้งในและนอกตลาด Exchange โดยกำหนดวงเงินลงทุนไม่เกิน 5 ล้านเหรียญต่อรายต่อปี
    ส่วนในปี 2560 ธปท.จะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยทั่วๆไปสามารถไปลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงเงินฝากในต่างประเทศได้เช่นกัน ยกเว้นอนุพันธ์ที่ให้ลงทุนได้เฉพาะตลาด Exchange
          "สำหรับนักลงทุนรายย่อยกลุ่มแรกที่เราเปิดให้ลงทุนในปี 2559 หากดูจากบุคคลธรรมดาที่มีบัญชีเงินฝากตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปมีอยู่ประมาณ 3,000 ราย ดังนั้นสะท้อนว่ามีจำนวนคนไทยที่เขามีเงินเข้าเงื่อนไขดังกล่าวมากพอสมควร ที่มีศักยภาพไปลงทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งยังไม่รวมนักลงทุนรายย่อยที่มีสินทรัพย์สภาพคล่องในประเภทอื่นๆอีก ซึ่งธปท.ไม่มีข้อมูลตรงนั้น เพราะดูได้เฉพาะสภาพคล่องที่เป็นเงินฝาก" นางผ่องเพ็ญ กล่าว
         สำหรับสิ่งที่นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ จะต้องมีหน้าที่ 1.แจ้งความประสงค์มาที่ ธปท. เมื่อ ธปท.ตอบรับก็นำหลักฐานไปยื่นที่ธนาคารพาณิชน์เพื่อซื้อเงินตรา 2.ต้องรายงานสถานะการลงทุน ณ สิ้นเดือน และเก็บเอกสารที่สำคัญไว้หาก ธปท.ขอดูจะได้นำมาแสดง
         " การที่ให้รายงานสถานะการลงทุนทุกสิ้นเดือน เพราะ ธปท.ต้องการทราบว่าฐานะการลงทุนโดยรวมของคนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะว่าพวกท่านไม่ได้ทำผ่านตัวกลางในไทย อย่าง บล. บลจ. แต่ท่านทำเพียงแค่แลกเงิน ดังนั้น จึงขอความร่วมมือให้รายงาน ธปท. หากไม่รายงานมา ถือว่าไม่ทำตามหน้าที่ เราจะไม่อนุญาตในปีถัดไป เพราะเราอนุญาตปีต่อปี" นางผ่องเพ็ญ กล่าว
         นอกจากนี้ นักลงทุนรายย่อยจะต้องรับความเสี่ยงเอง ดังนั้นจึงต้องมีความเข้าใจในการลงทุน
         " ไม่ใช่ลงทุนแล้วขาดทุน ท่านก็มาต่อแถวหน้า ก.ล.ต. หน้า ธปท. นะ ต้องเข้าใจ เพราะท่านแจ้วความประสงค์เข้ามาเองนะว่าท่านต้องการออกไปลงทุน และเงินที่จะลงทุนก็ต้องไม่ใช่เงินที่ไปท่าน้ยืมมา ซึ่งตรงนี้ธนาคารพาณิชย์จะต้องช่วยตรวจสอบด้วย เพราะสิ่งที่เราอยาก้ปิดให้ไปลงทุนได้ เพราะหลายๆ ประเทศก็ทำเราเองก็ไม่อยากปิดกั้นโอกาสของนักลงทุนที่มีความพร้อม" นางผ่องเพ็ญ กล่าว
      ทั้งนี้ ธปท.มั่นใจว่าแม้จะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยไปลงทุนในต่างประเทศได้โดยตรง ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งกระบวนการไปลงทุนดังกล่าวนักลงทุนรายย่อยจะต้องมาแลกเงินกับธนาคารพาณิชย์ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท โดยเชื่อว่าธปท.ได้ประเมินผลกระทบแล้วไม่น่าจะมาก และด้วยทุนสำรองที่แข็งแกร่งสามารถที่จะรับมือได้ ทั้งนี้ สิ่งที่ธปท.มองว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าคือการเปิดให้นักลงทุนรายย่อยในประเทศสามารถกระจายความเสี่ยงของการลงทุนได้ โดยที่ไม่ติดเงื่อนไขจากทางการ


 

[admin]

อ่านแล้วยังงง ๆ อยู่  พอมีใครอธิบายเพิ่มเติมได้บ้างหรือป่าวครับ 

[POPEYE27]