• กิจกรรมทายผล
  • การแข่งขัน
  • ติดต่อสอบถาม
  • สนับสนุนเว็บบอร์ด


  • หน้าแรก
  • โบรคเกอร์
    • เปรียบเทียบบัญชีโบรคเกอร์
    • ตราวจสอบ Reabate Exness ประจำวัน
    • การแข่งขัน webTrader Contest
  • ปฏิทิน
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • blogger
 

  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ »
  • Stock market ความรู้เกี่ยวกับหุ้น »
  • การเล่นหุ้นและกำหนดกลยุทธ์ »
  • สไตล์การเล่นหุ้นตามลักษณะตลาด
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • พิมพ์
หน้า: [1]   ลงล่าง

ผู้เขียน หัวข้อ: สไตล์การเล่นหุ้นตามลักษณะตลาด  (อ่าน 2129 ครั้ง)

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Gold Master
  • *****
  • กระทู้: 44196
  • LIKE: 482
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
สไตล์การเล่นหุ้นตามลักษณะตลาด
« เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 08:16:01 PM »
สไตล์การเล่นหุ้นตามลักษณะตลาด

                การเล่นหุ้นอีกแบบหนึ่ง   คือ การเล่นหุ้นตามสภาพตลาดหุ้น  ทั้งนี้การจัดแบ่งสภาพตลาดหุ้นที่นิยมทำกัน  จะแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะด้วยกัน  โดยลักษณะแรกคือ  ช่วงที่ตลาดคึกคัก  เรียกว่า   ตลาดกระทิง (Bull  Market)  เป็นช่วงที่ราคาหุ้นและมูลค่าการซื้อขายมีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ  ลักษณะตลาดที่สองคือ  ช่วงที่ตลาดตกต่ำ  หรือตลาดหมี (Bear   Market) สุดท้ายคือช่วงที่ตลาดขึ้นลงในช่วงแคบ ๆ หรือเรียกว่า  ตลาดไซด์เวย์ (Sideways  Market)  อันเป็นช่งที่ราคาซื้อขายหุ้นมีการขึ้นลงอยู่ในช่วงจำกัด

1. สภาพตลาดกระทิง

                สภาวะต่าง ๆ เริ่มต้นตั้งแต่ภาวะตลาดกระทิงระยะแรก  คนส่วนใหญ่และนักเก็งกำไรต่างก็ไม่มั่นใจในตลาด  เนื่องจากราคาหุ้นต่างๆ   ได้ตกต่ำลงมาก และไม่มีทีท่าจะขึ้น แต่นักลงทุนมีความเห็นตรงกันข้ามและรู้สึกมั่นใจในตลาดเมื่อก้าวเข้าสู่ระยะที่สอง  คนส่วนใหญ่และนักเก็งกำไรก็ยังไม่มั่นใจตลาดนัก  แต่นักลงทุนก็ยังเลือกเก็บหุ้นดีต่อไปในระยะที่สาม  เมื่อราคาหุ้นเริ่มสูงขึ้น  คนส่วนใหญ่และนักเก็งกำไร  เริ่มมั่นใจในภาวะตลาดและแย่งกันซื้อหุ้น  ราคาหุ้นเริ่มสูงกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นมากแล้ว  นักลงทุนซึ่งตุนหุ้นไว้ก่อนหน้านี้แล้ว  จะขายหุ้นของตนออกมาเพื่อทำกำไร

                เงื่อนไขที่บอกให้รู้ล่วงหน้าว่าเป็นตลาดกระทิงแล้ว

                - ค่าพีอีของหุ้นอยู่ในระดับต่ำ

                - บริษัทในตลาดหุ้น   มีผลกำไรจากการดำเนินงานดีขึ้น

                - บริษัทในตลาดหุ้น  มีเงินสดอยู่ในมือมาก และอาจมีการซื้อหุ้นคืน

                - นักลงทุนในตลาดหุ้น  มีเงินที่ใช้ในการซื้อหุ้นมาก (High   Liquidity)

                - มีการเข้าซื้อกิจการ  ปรากฏให้เห็น (Merger & Acquisition)

                - นักลงทุนมีการเล่นหุ้นอย่างระมัดระวัง

                ช่วงตลาดเปลี่ยนจากกระทิงเป็นหมี

                - ราคาหุ้นปรับตัวสูงมาก  มีแต่คนได้กำไร

                - มูลค่าการซื้อขายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

                - หุ้นที่ไม่มีค่ามีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

                - นักลงทุนยังคงมีความหวังว่าหุ้นจะขึ้นต่อ  และถือหุ้นไว้เต็มพอร์ต

การลงทุนในตลาดกระทิง

                ในช่วงที่ตลาดกระทิงในช่วงแรก  และช่วงที่สอง  ช่วงนี้กลยุทธ์ในการเล่นหุ้น  สามารถทำได้อย่างไม่รีบร้อน  เนื่องจากนักเก็งกำไรและคนส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจต่อภาวะตลาดว่าจะกลับได้ในรยะแรกอาจซื้อหุ้นเข้ามาในพอร์ต 10%-20% ของพอร์ต  และเริ่มเพิ่มเป็น  40%-50%  เมื่อมีเครื่องชี้ให้เห็นภาวะกระทิงชัดเจนขึ้น  ในระยะสองก็อาจซื้อหุ้นเข้าพอร์ต 80%-90%  เพื่อเพิ่มมูลค่าพอร์ตเมื่อราคาหุ้นขยับขึ้นไป  แต่เมื่อเข้าระยะสามของตลาดกระทิงก็จะสังเกตได้ว่า  ราคาหุ้นสูงเกินมูลค่าที่แท้จริงไปมากจึงควรจะขายหุ้นออกเพื่อถือเงินสดมากขึ้น

หุ้นที่ควรเลือกซื้อในช่วงแรกของตลาดกระทิง

                - หุ้นซึ่งมีพื้นฐานดี  แต่ราคาอ่อนตัวลงมามาก

                - หุ้นที่มีทุนจดทะเบียนน้อย  หรือมีหุ้นหมุนเวียนในตลาดไม่มากนักเพราะหุ้นพวกนี้จะตีกลับได้ง่าย  โดยไม่ต้องอาศัยแรงซื้อมากนัก

                - หุ้นที่มีค่าพีอีต่ำ

                - หุ้นที่กิจการมีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้คือ  ลดค่าใช้จ่ายปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้น  ขยายตลาด  พยายามโฆษณาหรือส่งเสริมการขายสินค้าในตลาดให้มากขึ้น  และกำลังพลิกฟื้นกิจการที่ขาดทุนมาเป็นกำไร

2. สภาพตลาดหมี

                ภาวะต่าง ๆ ในภาวะตลาดหมีระยะแรกนั้นจะเป็นระยะต่อเนื่องกับตลาดกระทิงระยะสาม กล่าวคือ  คนส่วนใหญ่และนักเก็งกำไรยังมีความมั่นใจในตลาดอยู่    แต่นักลงทุนไม่มั่นใจในภาวะตลาดเสียแล้ว  ดังนั้นจึงขายหุ้นต่อไปอีก จนเข้าสู่ระยะสองของตลาดหมึ่งมีลักษณะเดียวกันกับระยะที่หนึ่งคือนักเก็งกำไรส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจในตลาด  แต่ก็มีบางส่วนทราบข่าวการขายหุ้นตามทำให้ราคาหุ้นเริ่มอ่อนตัวลงอีก  เมื่อนักเก็งกำไรเห็นว่าตลาดลงแน่แล้ว ก็ไม่กล้าเข้าซื้อหุ้น บางรายก็ขายหุ้นตามแรงขายเพื่อลดการขาดทุน  หากราคาหุ้นนิ่งเมื่อใดและหุ้นตัวนั้นมีพื้นฐานดีก็อาจจะกลับเข้ามาซื้อและทำให้การตกลงเริ่มหยุดแต่จะเข้าสู่  ภาวะซึม  ในช่วงซึมนี้นักลงทุนจะเริ่มมองหาหุ้นที่มีพื้นฐานดี และเริ่มเก็บซึ่งตลาดคือ  การกลับสู่สภาพตลาดกระทิงในช่วงแรก ๆ อีกครั้ง

                เงื่อนไขที่บอกให้รู้ล่วงหน้าว่าเป็นตลาดหมีแล้ว

                - รัฐบาลมีการขาดดุลงบประมาณค่อนข้างสูง  (เก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมาย)

                - ประเทศมีการขาดดุลการค้าค่อนข้างสูง  (การส่งออกไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น)

                - อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูง   หรือมีแนวโน้มสูงขึ้นจากนโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง (นักเล่นหุ้นเปลี่ยนทิศทางไปฝากเงินกับสถาบันการเงินแทน)

                - กิจการในตลาดหลักทรัพย์มีสัดส่วนหนี้ต่อทุนสูง

                - อัตราว่างงานเพิ่มสูงขึ้น

การลงทุนในช่วงตลาดหมี

                ในภาวะที่เป็นตลาดหมีระยะแรก  นักลงทุนจะเริ่มไม่มั่นใจในภาวะตลาดและหุ้นหลายตัว เนื่องจากคนส่วนใหญ่และนักเก็งกำไรได้เข้ามาแย่งกันซื้อ  ทำให้ราคาหุ้นสูงมาก  กลยุทธ์ที่ควรปฏิบัติก็คือ  ขายหุ้นที่ราคาสูงขึ้นจนมีลักษณะ Overbought และถือเงินสด  ไว้เพื่อช้อนซื้อหุ้นราคาถูก  ในช่วงนี้อาจจะทำใจได้ยากหน่อยเพราะคนส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกมั่นใจในตลาดแต่นักลงทุนกลับขาย  บางครั้งขายแล้ราคายังคงไปต่อ  นักลงทุนควรทยอยลดพอร์ต  ให้เหลือหุ้น 50% - 60%  และเมื่อสัญญาณการปรับตัวเริ่มมา  ให้ลดเหลือ 20% - 30%  และเมื่อหุ้นเริ่มตกแรงให้ล้างพอร์ตไปเลยหรือปรับไปถือหุ้นในกลุ่มตั้งรับ  (Defensive  Stock)  แล้วรอให้ตลาดซึมซับความเลวร้ายต่าง ๆ จนไร้ความรู้สึกจากข่าวร้ายนั้นคือ สัญญาณการกลับเข้าทยอยเก็บของอีกครั้ง

หุ้นที่ควรเลือกขายออกในช่วงตลาดหมี

                - หุ้นที่มีค่าพีอีสูงมาก ๆ

                - หุ้นที่กิจการจะได้รับผลกระทบหากเศรษฐกิจถดถอย  (Cyclical  Stock)

หุ้นปั่น

                การเล่นหุ้นในทางปฏิบัติจริง ๆ แล้ว  นอกเหนือจากการซื้อขายแบบตรงไปตรงมา  ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับราคาหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติหรือการปั่นหุ้น (Manipulation)  ซึ่งการปั่นหุ้นนั้นเป็นสิ่งที่อยู่เคียงคู่ตลาดหุ้นมาตลอด ไม่ว่าที่ใด ๆ ในโลก  แต่ทางตลาดหลักทรัพย์ก็จะมีการตรวจสอบการเข้าซื้อขาย  เพื่อปกป้องนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ  ที่อาจต้องตกเป็นเหยื่อ

                การปั่นหุ้น  ชื่อก็บ่งบอกให้คิดถึงการปั่นจักรยาน  หรือการปั่นใบพัด ที่ต้องออกแรงปั่นให้มันเคลื่อนไหว  หรือบินไปบนท้องฟ้า  แต่เมื่อหมดแรงปั่น  สิ่งที่ถูกปั่นก็จะค่อยๆ  หยุด ถ้าเป็นใบพัดก็จะค่อยๆ ตกลงมา

                การแสวงหากำไรจากการปั่นหุ้น มักมาจากวัตถุประสงค์หลัก ๆ 3 ประการด้วยกันคือ

                1. เป็นการเจตนาทำราคาหุ้นให้สูงกว่าที่ควรจะเป็น  โดยผู้ปั่นหวังที่จะได้กำไรจากการขายหุ้นในระดับราคาสูง ๆ นั้น โดยทั่วไปวัตถุประสงค์นี้มักทำกันในช่วงตลาดคึกคัก

                2. รักษาราคาหุ้นไว้ ณ ระดับหนึ่ง  หรือไม่ให้ตกไปจากระดับหนึ่ง มักจะเกิดกับหุ้นที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ๆ  โดยผู้ดูแลพยายามรักษาไม่ให้หุ้นของตนลดต่ำไปจากระดับหนึ่งจนคนทั่วไปเกิดความมั่นใจ   ทั้งนี้ส่วนใหญ่มักหวังผลระยะยาวคือ  เพื่อหาโอกาสปั่นขึ้นเมื่อช่วงจังหวะเอื้ออำนวย

                3. กดราคาให้ต่ำลง  โดยหวังว่าจะซื้อหุ้นดังกล่าวในราคาต่ำกว่าที่ขายไปในบางครั้งผู้ปั่นอาจพยายามกดราคาหุ้นลงชั่วคราวเพื่อให้ผู้ขายรายอื่นตกใจขายให้แก่ตนในราคาถูก เมื่อผู้ปั่นหุ้นสามารถสะสมหุ้นได้มากเพียงพอแล้ว   การคิดจะปั่นราคาหุ้นให้สูงขึ้นไปในช่วงต่อมาก็จะทำได้สะดวกโดยไม่มีแรงขายมากนัก  ในบางกรณีการกดราคาหุ้นลงอาจเกิดจากการที่ผู้ปั่นหุ้นต้องการหยั่งตลาด หรือหยั่งท่าทีก่อนการตัดสินใจปั่นขึ้นไปใหม่ ให้สูงจากระดับเดิมขึ้นไปอีก  ลักษณะหลังนี้มักเกิดในช่วงภาวะกระทิง   โดยเฉพาะในช่วงจังหวะที่หุ้นนั้นมีการขยับตัวขึ้นเร็วจนเกินไป  จนผู้ปั่นหุ้นไม่แน่ใจว่าควรจะปั่นต่อไปหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าแรงขายหุ้นในระดับราคาหุ้นที่สูงกว่านั้นจะมีมากน้อยเพียงใด   จึงต้องมีการหยั่งเชิงตลาดก่อน


 
บันทึกการเข้า
forex เป็นการลงทุนที่มีความเสียงสูงผู้ลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

  • พิมพ์
หน้า: [1]   ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ »
  • Stock market ความรู้เกี่ยวกับหุ้น »
  • การเล่นหุ้นและกำหนดกลยุทธ์ »
  • สไตล์การเล่นหุ้นตามลักษณะตลาด
 

Risk Warning : ข้อมูลในเว็บไซค์นี้อาจถูกก๊อบปี้ข้อมูลบางส่วนจากสมาชิกบางท่าน แล้วนำไปดัดแปลงแก้ไขใหม่

คำเตือนการลงทุนมีความเสี่ยง : การซื้อขายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (forex) หรือผลิตภัณฑ์ CFD โดยเฉพาะการเทรดที่ใช้ Leverage สูง มีความเสี่ยงสูงโปรดพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ จึงอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน มูลค่าการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ และนักลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ไม่ว่าในสถานการณ์ใด ๆ เป็นความรับผิดชอบของตัวนักลงทุนเอง สำหรับการขาดทุนหรือสูญเสียทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งเป็นผลเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม ทั้งนี้ทางบอร์ดเป็นเพียงสื่อกลางในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถรับผิดชอบต่อผล กำไร/ขาดทุน จากการเทรดของสมาชิกเว็บบอร์ดได้นักลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

Powered by SMF 2.0 RC5 | SMF © 2006–2011, Simple Machines LLC | SMF Thailand