• กิจกรรมทายผล
  • การแข่งขัน
  • ติดต่อสอบถาม
  • สนับสนุนเว็บบอร์ด


  • หน้าแรก
  • โบรคเกอร์
    • เปรียบเทียบบัญชีโบรคเกอร์
    • ตราวจสอบ Reabate Exness ประจำวัน
    • การแข่งขัน webTrader Contest
  • ปฏิทิน
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • blogger
 

  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ »
  • Stock market ความรู้เกี่ยวกับหุ้น »
  • การเล่นหุ้นและกำหนดกลยุทธ์ »
  • ลักษณะของหุ้นที่นิยมปั่น
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • พิมพ์
หน้า: [1]   ลงล่าง

ผู้เขียน หัวข้อ: ลักษณะของหุ้นที่นิยมปั่น  (อ่าน 2190 ครั้ง)

ออฟไลน์ admin

  • Administrator
  • Gold Master
  • *****
  • กระทู้: 44198
  • LIKE: 482
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ลักษณะของหุ้นที่นิยมปั่น
« เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 08:12:34 PM »
ลักษณะของหุ้นที่นิยมปั่น

                1. มีมูลค่าทางการตลาด (Market  Capitallization) ต่ำ จะได้ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการไล่ราคา

                2.มีราคาต่อหุ้นต่ำ  หรือหากราคาต่ำกว่า 10 บาทยิ่งดี  เพราะถึงแม้ราคาถูกไล่มาจาก 3 บาท มาอยู่ที่ 6 บาท  แต่นักลงทุนยังรู้สึกว่าราคายังไม่แพง  เพราะยังคงต่ำกว่าราคาพาร์

                3. เป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันไม่ได้เล่น  เพราะหากนักลงทุนสถาบันถือหุ้นอยู่การควบคุมปริมาณและราคาจะทำลำบาก  แต่ปัจจัยพื้นฐานต้องมีอยู่บ้างเพราะนักลงทุนรายย่อยเดี๋ยวนี้ฉลาดขึ้น  มักไม่ตามในหุ้นที่เสี่ยงเกินไป

จังหวะที่ใช้ในการปั่นหุ้น

                1. เมื่อหุ้นตัวนั้นราคาตกลงมาจนราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก ในภาวะตลาดขาลงนักลงทุนรายใหญ่จะทยอยสะสมหุ้นแบบไม่รีบร้อน  เมื่อตลาดกลับเป็นขาขึ้น  จะมีการไล่ราคาหุ้นอย่างรวดเร็วแล้วทยอยขาย  ปีหนึ่งทำได้สัก 2-3  รอบก็คุ้มค่าต่อการรอคอยแล้ว

                2. เมื่อมีข่าวที่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้น โดยทั่วไปนักลงทุนรายใหญ่จะรู้เห็นข่าววงในก่อน  และซื้อหุ้นเก็บไว้  เมื่อข่าวดีออกมาจะมีการไล่ราคาแล้วขายหุ้นออกไปหรือในทางตรงกันข้ามหากมีข่าวร้ายที่มีผลเช่น Warrant  จะหมดอายุ, ข่าวขาดทุนรายไตรมาส  ข่าวบริษัทลูกขาดทุนจะเป็นการปั่นหุ้นรอบสั้น ๆ เพื่อออกของหรือหาก  ได้ปล่อยขายออกไปแล้วจะใช้วิธีทุบหุ้นเพื่อเก็บของถูกไว้รอปั่นในรอบถัดไป

                3. ปลายตลาดขาขึ้น  เมื่อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี  ทุกกลุ่มถูกนักลงทุนไล่ซื้อจนทำให้หุ้นขึ้นมาสูงหมดแล้ว  โดยทั่วไปจะไล่เรียงจากหุ้นกลุ่มใหญ่ ๆ จนนักลงทุนหมดตัวเล่น  รายใหญ่จะเข้ามาปั่นหุ้นตัวเล็ก ๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ดีราคาต่ำ  รายย่อยจะเข้ามาผสมโรงด้วยเพราะเห็นว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก  ซึ่งเมื่อหุ้นตัวเล็กถูกไล่ราคาขึ้นจะเป็นสัญญาณหมดรอบ

ขั้นตอนในการปั่นหุ้น

                1. เลือกหุ้น  นอกจากเลือกหุ้นตามที่ได้กล่าวมาแล้วยังจะต้องมีการสืบเสาะดูว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่บ้าง  สัดส่วนการถือหุ้นเป็นอย่างไร

                2. การกระจายเปิดพอร์ตการลงทุน  จะเปิดพอร์ตกระจายไว้สัก 4-5  โบรกเกอร์ในชื่อที่แตกต่างกัน  โดยใช้ชื่อของคนที่ไม่เป็นที่รู้จักแต่ไว้ใจได้  เพื่อป้องกันการโยงใยมาถึงตนและ  หลีกเลี่ยงกฎการถือหุ้นเกิน 5%  ของทางตลาดที่จะต้องแจ้งให้ตลาดทราบ

                3. การเริ่มเก็บหุ้น  จะมีตั้งแต่การทยอยเก็บในช่วงที่หุ้นไม่เป็นที่สนใจของใคร ซึ่งจะมีเวลาในการเก็บนานเพื่อให้ได้หุ้นตามที่ต้องการ  แต่หากนักปั่นหุ้นรู้ว่าหุ้นตัวนี้กำลังมีข่าวดี  เช่นรู้ข่าวผลประกอบการ ข่าวการร่วมทุน หรือข่าวเพิ่มทุนแถม  วอร์แรนท์  นักปั่นหุ้นจะมีเวลาในการเก็บของอยู่ไม่มาก  จึงต้องใช้วิธีการกดราคาหุ้น  โดยการเทขายล็อตใหญ่ให้พวกเดียวกัน  ทำให้รายย่อยซึ่งมักมีอารมณ์อ่อนไหวเทขายหุ้นออกมา  บางครั้งก็มีการซื้อแบบกระชากหุ้นขึ้น  สัก 2% - 3% ซึ่งจะทำให้รายย่อยที่ดูอยู่ฉวยโอกาสขายออกมาทำกำไร  การเก็บหุ้นแบบนี้รายใหญ่จะคอยดูแลไม่ให้หุ้นวิ่งขึ้นเกิน 10%  เพราะจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น  และจะใช้เวลาเพียง 2-3 วันก็จะเก็บหุ้นได้ครบตามต้องการ

                4. การไล่ราคาหุ้น  การไล่ราคาจะต้องหาจังหวะที่เหมาะสมเหมือนกัน เพราะหากจังหวะไม่ดีรายย่อยจะขายหุ้นทิ้งเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น  แต่หากหาจังหวะหรือเหตุผลมารองรับได้ รายย่อยจะยังถือหุ้นไว้อยู่   เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะสูงกว่านี้อีก  กว่าจะรู้สึกตัวรายใหญ่ก็ขายหุ้นไปหมดแล้ว

วิธีการสังเกตจึงต้องมีการดูการซื้อขายที่หน้าจอเอง นักลงทุนทางบ้านจะไม่เห็นภาพและหลงกลได้ง่าย หากท่านเป็นนักลงทุนในห้องค้าอาจสังเกตความผิดสังเกต เช่น  การไล่ราคาอย่างรุนแรง   และปริมาณการซื้อขายมากขึ้น  การใส่เข้า ถอนออกของ Bid  หรือการเคาะนำครั้งละ 100 หุ้น 2-3 ครั้งแล้วไล่ยกแถว เป็นต้น

วิธีการเล่นตามน้ำคือ  ให้สังเกตปริมาณการซื้อขาย  หากปริมาณน้อยซื้อได้  หากปริมาณซื้อขายมาก  ให้ขาย  หรือเมื่อหุ้นมีการปรับตัวขึ้นก่อนข่าวดีประกาศเมื่อข่าวออก  ทันทีที่รู้ให้ขายทิ้งเพราะสิ่งดี ๆ กำลังจะหมดไปแล้ว

เหตุผลที่มักจะใช้กัน จะมีอยู่หลัก ๆ 3 เรื่อง

               1. ภาวะตลาดรวมเริ่มเป็นขาขึ้น

               2. กราฟทางเทคนิคของราคาหุ้นเริ่มดูดี

               3. มีข่าวลือว่าหุ้นตัวนี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานไปในทางที่ดีขึ้น

การไล่ซื้อจะทำโดยการเคาะซื้อครั้งละมาก ๆ แบบยกแถวแล้มีการเสนอซื้อ Bid  เข้ามายันหลายแสนหุ้นทำให้ดูว่าราคาหุ้นคงจะไม่ลง  แต่เมื่อราคาปรับตัวขึ้นไปในระดับหนึ่งจะมีการหยุดเพื่อเป็นการแหย่รายย่อย รายย่อยจะเริ่มเทขายบ้าง  แต่นักปั่นจะยันหุ้นไว้ไม่ให้ลง จริง ๆ แล้วจำนวนหุ้นส่วนมากจะอยู่ในมือรายใหญ่  แรงขายจึงมีไม่มากนัก  หลังจากที่รายย่อยขายก็ไม่ลงทั้งความมั่นใจและสัญญาณทางเทคนิคก็เริ่มดีขึ้น  รายใหญ่จะเริ่มไล่ราคาขึ้นไปอีกครั้งโดยเป้าหมายจะอยู่ประมาณ 25% - 30% แต่หากสภาพตลาดดี อาจดันราคาขึ้นไป 50%-100% ทีเดียว

ช่วงที่ไล่ราคาขึ้น รายใหญ่มักจะมีการตั้งขายเอง และไล่ซื้อหุ้นของตัวเองเพื่อทำให้ราคาขึ้น  แต่หากมีหุ้นรายย่อยติดมามากจะมีการค่อย ๆ เทขายออกบ้าง  ทีละน้อยเพื่อผ่อนภาระลง

                4. การปล่อยหุ้น  เมื่อหุ้นขึ้นมาได้สัก 80%  ของราคาเป้าหมายแล้ว  ระยะทางที่เหลือ 20% จะเป็นช่วงการทยอยปล่อยของออก ซึ่งจะเป็นช่วงยากที่สุดของการปั่นหากรายย่อ จับทางได้ถูกปล่อยขายหุ้นออกมาก่อนหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมา  นักปั่นหุ้นเองก็จะติดอยู่บนยอดได้ต้องทำการปั่นขึ้นอีกครั้งเพื่อปล่อยของออก

                วิธีการปล่อยของจะเริ่มจากการทำการโยนหุ้นไปมาและดันราคาขึ้นอีกเล็กน้อย  แต่ต้องทำปริมาณการซื้อขายให้มาก  เพื่อล่อรายย่อยให้สนใจในการดันราคาหุ้นจะยังทำเหมือนเดิมคือ  การไล่ซื้อยกแถว  แล้วตั้งซื้อยันไว้เป็นแสน ๆ หุ้น ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้นหากมีคนของลงมา  แต่ก็ต้องเสี่ยง และเมื่อเริ่มมีคนหันมาเก็งกำไรมากขึ้นก็เริ่มผ่อนการซื้อ  จะซื้อก็ต่อเมื่อเป็นหุ้นที่ตัวเองตั้งขายไว้  โดยการเช็คกันเทรดเดอร์ว่าถึงคิวหรือยัง เพื่อจะไม่ต้องรับซื้อหุ้นเพิ่ม

                 การตั้งซื้อเมื่อเริ่มมีคนมาซื้อเพิ่มก็เริ่มจะมีการถอดรายการตั้งซื้อออก แล้วใส่เข้าไปใหม่เพื่อดันให้รายการซื้อของรายย่อยอยู่ในอันดับต้น ๆ  รายย่อยส่วนมากจะไม่ไล่ราคาแต่จะเป็นการตั้งซื้อรอ  ดังนั้นหากรายใหญ่ต้องการขายแบบไม่ให้ราคาตกลง  จะต้องมีการไล่ซื้อหุ้นของตัวเองให้ราคาขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น  แล้วทยอยขายไป  แล้วไล่ซื้อแล้ว ทยอยขาย และในวันรุ่งขึ้น  ข่าวการดีก็จะประกาศ หรืออาจจะเป็นบทวิเคราะห์ของโบร์กเกอร์ซึ่งมักสรรหาเหตุผลมาเสริมการขึ้นของหุ้นปรับตัวขึ้นสูง ๆ รายย่อยจึงเริ่มมั่นใจและเข้ามาซื้อขายมากขึ้น  เมื่อรายใหญ่เห็นว่ามีการตั้งซื้อมากพอ  ก็จะทำการขายแต่ยังทำทีเป็นไล่ซื้ออยู่บ้าง  เมื่อปล่อยหุ้นได้ครบก็หยุดไปเฉยๆ และเมื่อรายใหญ่เลิกดัน  หุ้นก็เริ่มขึ้นไม่ได้เหมือนติดแนวต้าน  นักลงทุนรายย่อยที่ติดกับก็เริ่มแย่งกันขายทำกำไรออกมาอย่างรุนแรง  ขายก่อนก็ยังมีกำไรบ้าง  แต่จะมีนักลงทุนอีกกลุ่มที่ชอบเล็งซื้อหุ้นที่เคยอ่านข่าวพบว่าดี  หากมีการปรับตัวลงมา  ไม่ต้องติดตามความเป็นมาก็จะเข้าไปรับเพื่อรอการดีดกลับ เขาเรียกว่าแบ่งๆ กันขาดทุนละงานนี้


 
บันทึกการเข้า
forex เป็นการลงทุนที่มีความเสียงสูงผู้ลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

  • พิมพ์
หน้า: [1]   ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ »
  • Stock market ความรู้เกี่ยวกับหุ้น »
  • การเล่นหุ้นและกำหนดกลยุทธ์ »
  • ลักษณะของหุ้นที่นิยมปั่น
 

Risk Warning : ข้อมูลในเว็บไซค์นี้อาจถูกก๊อบปี้ข้อมูลบางส่วนจากสมาชิกบางท่าน แล้วนำไปดัดแปลงแก้ไขใหม่

คำเตือนการลงทุนมีความเสี่ยง : การซื้อขายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (forex) หรือผลิตภัณฑ์ CFD โดยเฉพาะการเทรดที่ใช้ Leverage สูง มีความเสี่ยงสูงโปรดพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ จึงอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน มูลค่าการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ และนักลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ไม่ว่าในสถานการณ์ใด ๆ เป็นความรับผิดชอบของตัวนักลงทุนเอง สำหรับการขาดทุนหรือสูญเสียทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งเป็นผลเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม ทั้งนี้ทางบอร์ดเป็นเพียงสื่อกลางในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถรับผิดชอบต่อผล กำไร/ขาดทุน จากการเทรดของสมาชิกเว็บบอร์ดได้นักลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

Powered by SMF 2.0 RC5 | SMF © 2006–2011, Simple Machines LLC | SMF Thailand