Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์
FOREX NEWs / ปฏิทินเศรษฐกิจประจำวัน => ข่าวเกียวกับ Forex => ข้อความที่เริ่มโดย: Teerapong ที่ พฤษภาคม 29, 2017, 11:42:41 AM
-
(May 29) ปี59ธปท.ขาดทุนพุ่ง1.39แสนล. เหตุตีราคาสินทรัพย์-ส่วนต่างดอกเบี้ย : ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงาน ฐานะการเงินปี 2559 ขาดทุนสุทธิ 1.39 แสนล้านบาท เทียบปี 2558 ซึ่งมี กำไรสุทธิ 9.42 หมื่นล้านบาท เหตุขาดทุน ทางบัญชีจากการตีราคาสินทรัพย์เป็นเงินบาทเทียบสกุลหลัก ส่งผลให้ขาดทุน 5.8 หมื่นล้านบาท รวมทั้ง ส่วนต่างดอกเบี้ยบาทสูงกว่าดอกเบี้ยเงินสกุลหลัก พร้อมยืนยันฐานะ ธปท.ยังมั่นคง ทุนสำรองแข็งแกร่ง ไม่เป็นอุปสรรคดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจและเงินบาท
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่งบการดำเนินงาน ประจำปีของ ธปท.ประจำปี 2559 นั้น ขอเรียน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินงานของ ธปท. ในช่วงที่ผ่านมา ดังนี้
1. เศรษฐกิจการเงินของโลกมีความผันผวนต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2559 จากความไม่แน่นอนของทิศทางการดำเนินนโยบาย การเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก จนถึงการเลือกตั้งในหลายๆ ประเทศที่เปลี่ยนทัศนคติและมุมมองของนักลงทุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์ของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งประเทศไทย ในปริมาณที่สูงเป็นระยะๆ ธปท.จึงได้ เข้าไปดูแลเพื่อรักษาเสถียรภาพของ ตลาดเงินตราต่างประเทศของไทย ที่มี ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับปริมาณเงินทุนที่ไหลเข้ามาในบางช่วงอย่างรวดเร็วและ ในปริมาณที่สูง
2. การทำหน้าที่ของ ธปท. ในการรักษา เสถียรภาพของตลาดด้วยการเข้าไปซื้อเงินตราต่างประเทศ เพื่อให้การปรับแข็งค่า ของเงินบาทเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เวลากับภาคเอกชนในการปรับตัวนั้น ทำให้ ธปท. มีค่าใช้จ่ายในการดูดซับ สภาพคล่องที่ ธปท. ปล่อยเข้าสู่ระบบจากการซื้อเงินตราต่างประเทศ ซึ่งค่าใช้จ่าย ดังกล่าวเป็นต้นทุนในการรักษาเสถียรภาพตลาดเงินในประเทศ ที่ส่งผลต่อฐานะ การเงินของ ธปท. สภาวะดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางของหลายประเทศ ต้องมี ภาระในการดูแลเสถียรภาพการเงิน ของประเทศ ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ของธนาคารกลาง
3. ในปี 2559 ธปท. มีผลขาดทุน 139 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจตามหน้าที่ โดยมีต้นทุนที่เป็นผลของการทำนโยบาย ใน 2 ส่วนที่สำคัญ กล่าวคือ ส่วนที่ 1 : ผลจากการตีราคา เงินสำรองระหว่างประเทศที่ประกอบด้วยสินทรัพย์ ต่างประเทศสกุลต่างๆ อาทิ สกุลดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เยน ปอนด์ เป็นต้น นั้น ณ ทุกสิ้นปี จะมีการเทียบมูลค่าสินทรัพย์เหล่านี้ ในรูปของเงินบาทเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานทางบัญชี โดยในปี 2559 เงินสกุลหลักๆ โดยเฉพาะเงินปอนด์และเงินยูโรอ่อนค่า คงเมื่อเทียบกับเงินบาท จึงมีผลขาดทุน จากการตีราคาจำนวน 5.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนทางบัญชี
ทั้งนี้ มาตรฐานบัญชีที่กำหนดให้ตีราคาเงินสำรองระหว่างประเทศเป็นเงินบาท เพื่อให้ทราบว่าหากจำเป็นต้องขายเงินสำรองทั้งหมดเพื่อแปลงให้อยู่ในรูปเงินบาทแล้ว สถานะการเงินจะเป็นอย่างไร แต่ ธปท. ไม่ได้ขายเงินสำรองระหว่างประเทศที่ ถือครองออกไป โดย ณ สิ้นปี 2559 ธปท. มีเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 171.9 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ ปี 2558 ที่ 157 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขขาดทุนจาก การตีราคาจึงเป็นการขาดทุนทางบัญชี
ที่ผ่านมางบการเงินของ ธปท. มักจะแสดงผลขาดทุนในปีที่เงินตราต่างประเทศมีค่าอ่อนลง หรือเงินบาทแข็ง เช่น ช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีปัญหาและเงินสกุลของประเทศอุตสาหกรรมหลักอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินบาท ในทางกลับกัน งบการเงิน ของ ธปท. จะมีกำไรในปีที่เงินตราต่างประเทศปรับแข็งค่าขึ้น หรือเงินบาทอ่อน เช่น ในช่วง ที่มีเงินทุนไหลออกจากประเทศไทย
ส่วนที่ 2. : ผลจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยรับจ่าย ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. เพื่อดูดซับ สภาพคล่องในระบบ ซึ่งมีต้นทุนเป็น ดอกเบี้ยบาท และมีดอกเบี้ยรับจากการนำเงินตราต่างประเทศในเงินสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนนั้น ในปี 2559 ดอกเบี้ยเงินสกุลสำคัญของโลกต่ำกว่าดอกเบี้ย เงินบาท จึงทำให้เกิดการขาดทุนจากส่วนต่าง ของอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ผลการ ขาดทุนส่วนนี้ได้ปรับลดลงต่อเนื่องตามอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ลดต่ำลง และดอกเบี้ยรับจากการลงทุนในต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยธนาคารกลางของประเทศอุตสาหกรรมหลักบางแห่งได้เริ่มทยอย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วง ปลายปี 2559
4. ในหลักการ ธนาคารกลางไม่ได้ดำเนินภารกิจเพื่อแสวงหากำไร ผลขาดทุนที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นขาดทุนทางบัญชีจากการ ตีราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ โดยลักษณะของงบการเงินของธนาคารกลางที่มิได้เป็นสกุลหลักของโลก เช่น ไทย จะมีสินทรัพย์เป็นเงินตราต่างประเทศ แต่มีหนี้สินเป็นสกุลเงินท้องถิ่น
ประสบการณ์ของธนาคารกลางในหลายประเทศ อาทิ ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย รวมถึงกรณีของ ธปท. และงานศึกษาขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น Bank for International Settlements (BIS) ชี้ว่า การขาดทุนของธนาคารกลางไม่ได้เป็น ข้อจำกัดต่อการดำเนินนโยบายการเงิน หากยังสามารถรักษาความน่าเชื่อถือของ การดำเนินนโยบาย ด้วยความโปร่งใสมีอิสระ ในการดำเนินนโยบายและสื่อสารต่อสาธารณะอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี ธปท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการวางแนวทางเพื่อลดผลการขาดทุน โดยส่งเสริมให้กลไกตลาดสามารถปรับตัว ได้ดีขึ้น ภาคเอกชนไทยมีการป้องกัน ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ผ่อนคลาย กฎเกณฑ์ด้านการนำเงินทุนออกไปลงทุน ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิด ความสมดุลของเงินทุนไหลเข้าและเงินทุน ไหลออก โดยเฉพาะการลงทุนของธุรกิจ ในต่างประเทศ และการให้กองทุนรวมและ ผู้ลงทุนที่มีความพร้อมสามารถลงทุนใน ต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยในการบริหารเงินออมของคนไทยให้มีการกระจายตัว ได้ดีขึ้นด้วย
ปัจจุบันฐานะด้านต่างประเทศของไทย อยู่ในระดับที่มั่นคง เงินสำรองระหว่างประเทศ อยู่ในระดับสูง ธปท ขอให้ความมั่นใจว่า ธปท. จะยังคงยึดแนวทางการทำหน้าที่ธนาคารกลางที่ดี มุ่งมั่นดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินของประเทศเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนไทย
Source: กรุงเทพธุรกิจ
-
ทำไม่มหาศาลแบบนี้ แต่ไทยยังได้ใช้น้ำทันถูกกว่าประเทศอื่น อยู่นะ