Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์

FOREX NEWs / ปฏิทินเศรษฐกิจประจำวัน => ข่าวเกียวกับ Forex => ข้อความที่เริ่มโดย: Teerapong ที่ ตุลาคม 26, 2016, 01:59:05 PM

หัวข้อ: ศก.อังกฤษฟื้นกว่าที่คาด ฉุดยูโรโซนเสี่ยงแตกใน 10 ปี
เริ่มหัวข้อโดย: Teerapong ที่ ตุลาคม 26, 2016, 01:59:05 PM
ศก.อังกฤษฟื้นกว่าที่คาด ฉุดยูโรโซนเสี่ยงแตกใน 10 ปี : นับตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวออกจากนับตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป (เบร็กซิต) เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างก็วิตกว่าเศรษฐกิจของยุโรปที่กำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวจะหยุดชะงักลง และอังกฤษซึ่งเป็นตัวหลักของการถอนตัวครั้งนี้จะต้องจ่ายแพงกว่าใครๆ กับอนาคตที่ไม่แน่นอน และผลกระทบทางเศรษฐกิจแทบทุกด้านที่รุมเร้า
ทว่า จากตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา กลับให้ภาพบางอย่างที่ตรงกันข้ามออกไป

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของอังกฤษเดือน ก.ย. จัดทำโดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งบ่งชี้ถึงกิจกรรมในภาคการผลิต ขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี จาก 53.4 จุด ในเดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้นไปแตะ 55.4 จุด หรือสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2014 และสูงกว่ากันมากจากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ราว 52.1 จุด ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือดัชนีภาวะเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี ขยายตัวอยู่ที่ 1% จากระดับ 0.6% ในเดือนก่อนหน้า

วอลสตรีทเจอร์นัล ระบุว่า ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การลงประชามติ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดูดซับผลกระทบในเชิงลบจากเบร็กซิตได้ในช่วงสั้น โดยจากตัวเลขปัจจุบันจะเห็นว่าเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนอยู่ในภาวะที่ดี ตั้งแต่การจ้างงาน ตลาดหุ้น พันธบัตรรัฐบาล ยอดขายบ้าน และการบริโภคในประเทศ

หากมองในแง่ที่ชาวอังกฤษในปัจจุบันราว 1 ใน 6 มีฐานะยากจนลง และเศรษฐกิจอังกฤษมีขนาดเล็กลงราว 1 ใน 6 โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ขยับให้ฝรั่งเศสขึ้นมาเป็นเขตเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ 5 แทนที่อังกฤษซึ่งหล่นไปเป็นอันดับ 6 นั้น จะเห็นได้ว่า ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงอย่างมากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้การส่งออกของอังกฤษขยายตัวดีขึ้น ชดเชยกับการบริโภคที่อ่อนแรงได้ในระดับหนึ่ง

ขณะเดียวกันค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงมาถึงราว 20% เมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐนับตั้งแต่มีผลประชามติ ยังเพิ่มแรงดึงดูดให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของอังกฤษคึกคักขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติหันมาเที่ยวในอังกฤษที่ถูกลงกว่าเดิมมาก ซึ่งทำให้แบรนด์ดังอย่างเบอร์เบอร์รี่ มียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 30% ขณะที่อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทลส์ กรุ๊ป ระบุว่ามียอดห้องพักเพิ่มตั้งแต่ครึ่งปีแรกหลังจากที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลายเดือนก่อนเบร็กซิต

นอกจากนี้ ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่า แตะระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปี เมื่อไม่นานมานี้ อาจช่วยดูดซับความเสี่ยงด้านการค้าของอังกฤษได้ในระดับหนึ่ง จากความเสี่ยงของการเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป (อียู) ในอนาคตหลังจากนี้ด้วย

แม้อังกฤษจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศยูโรโซนที่ใช้สกุลเงินยูโร และนโยบายการเงินร่วมกันภายใต้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ทว่าการแยกตัวออกจากอียูซึ่งทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมากและช่วยดูดซับผลกระทบในเชิงลบลงได้ระดับหนึ่งนั้น อาจทำให้บางประเทศที่ยังไม่ได้เข้าร่วมยูโรโซนต้องทบทวนแผนอีกครั้ง โดยเฉพาะในยามที่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังอ่อนแรง เช่นนี้ ขณะที่ประเทศสมาชิกบางรายก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะทบทวนแผนใหม่เช่นกัน

ดีเรก ฮัลเพนนี นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโตเกียว มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ให้ มุมมองกับวอลสตรีทเจอร์นัล ว่า การขาดความยืดหยุ่นในอัตราแลกเปลี่ยน ถือเป็นหนึ่งในปัญหาพื้นฐานสำคัญของกลุ่มประเทศยูโรโซน และความยืดหยุ่นในอัตราแลกเปลี่ยนของอังกฤษในขณะนี้ ก็จะเป็นหนึ่งในความได้เปรียบสำคัญของเศรษฐกิจอังกฤษต่อไป

ขณะที่ เจมี ดิมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคาร เจพี มอร์แกน เชส ก็เชื่อว่าเบร็กซิตคือชนวนสำคัญที่จะสั่นคลอนทำให้กลุ่มยูโรโซนอยู่ต่อไปได้อีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า โดยเป็นความเสี่ยงในระยะยาวที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 5 เท่า

นอกจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศสแล้ว หลายประเทศในกลุ่มยูโรโซนต่างก็ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา ในขณะที่มาตรการกระตุ้นทางการเงินจากอีซีบียังไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก จนต้องขยายอัตราดอกเบี้ยติดลบเพิ่มเติมและขยายการซื้อคืนสินทรัพย์ออกไปยังหุ้นท่าน้เอกชน

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโร โซนในเดือน ก.ย. ลดลงมาอยู่ที่ 52.6 จุด จาก 52.9 จุด ในเดือนก่อนหน้า และใน บรรดา 4 เขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของ กลุ่ม ก็มีเพียงฝรั่งเศสประเทศเดียวที่ยังรักษาโมเมนตัมของการฟื้นตัวได้ ตรงกันข้ามกับเยอรมนี อิตาลี และสเปน โดยเศรษฐกิจอิตาลีขยายตัวได้เพียง 0.1% ในไตรมาส 3

ยังไม่นับรวมปัญหาในกลุ่มยุโรปใต้อย่างกรีซ ที่เรื้อรังมาหลายปีจนถึงปัจจุบัน โดยยังคงต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินหลายพันล้านยูโรจากทั้งยุโรปและ ไอเอ็มเอฟ จนนักวิเคราะห์หลายฝ่ายระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัญหาของกรีซนั้นเสี่ยงต่อการทำให้ยูโรโซนล่มสลายมากที่สุด และยิ่งถูกซ้ำเติมจากเบร็กซิตที่ทำให้ยูโรโซนสูญเสียโมเมนตัมของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไป

ออตมาร์ อิสซิง อดีตหัวหน้า นักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบุกเบิกตลาดร่วมยุโรป มองว่ากลุ่มประเทศยูโรโซน 19 ชาติมีโอกาสที่จะล่มสลายสูง โดยแนวคิดตลาดร่วมที่ใช้เงินสกุลเดียวกันที่เสนอขึ้นมาเมื่อปี 2002 นั้น กำลังเปลี่ยนไปเพราะการเมืองภายใน และอีซีบีก็ตัดสินใจผิดพลาดที่เข้าช่วยอุ้มกรีซกับไอร์แลนด์จากวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะที่ผ่านมา และแบกมาจนถึงปัจจุบัน แทนที่จะปล่อยให้ 2 ประเทศนี้ออกจากยูโรโซนไปเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นเอง

ขณะเดียวกันหากมองในระยะยาวนั้น ก็ยังมีความเสี่ยงที่อังกฤษเองก็จะกลับ กลายมาเป็นปัจจัยลบจนกระทบต่อเศรษฐกิจยูโรโซนในภาพรวมไปด้วยเช่นกัน เพราะปัจจัยเรื่องค่าเงินปอนด์อ่อนค่าเพียง อย่างเดียวนั้น อาจไม่เพียงพอที่จะช่วย ดูดซับความเสี่ยงของเศรษฐกิจอังกฤษได้ทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาที่อังกฤษต้องเผชิญต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นมากจนอาจกระทบต่อการบริโภคในประเทศ สะท้อนจากตัวเลขการค้าเดือน ส.ค. ที่อังกฤษขาดดุลการค้าเพิ่มเป็น 4,700 ล้านปอนด์ จากเดิมที่ขาดดุล 2,200 ล้านปอนด์ ในเดือนก่อนหน้า

นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอน ของการเจรจาการค้าในอนาคต ลดความน่าดึงดูดในฐานะศูนย์กลางการเงินลง ซึ่งอาจกระทบต่อเสถียรภาพของยูโรโซน และอียูในภาพรวม ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอังกฤษไปด้วย ทำให้ไม่ว่าจะมองในมุมใดก็ล้วนมีความเสี่ยงในระยะยาวที่เกี่ยวเนื่องถึงกัน และอาจทำให้อนาคตของตลาดร่วมแห่งนี้ต้องสั่นคลอนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

Source: Posttoday