เริ่มหัวข้อโดย: Teerapong ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 11:32:13 AM
สิ่งที่เกิดขึ้นอาทิตย์ที่แล้ว
- นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นมีแผนชะลอการขึ้นภาษีการขายออกไปอีกเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากเกรงว่าการปรับขึ้นภาษีอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นยิ่งซวนเซหนัก
- กรีซจำเป็นต้องชำระหนี้เป็นจำนวน 300 ล้านยูโรคืนให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และอีก 2.3 พันล้านยูโรให้แก่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิ.ย.นี้
- Buffett’s Berkshire Hathaway เข้าซื้อหุ้น Apple
## เป็นส่วนหนึ่งให้ตลาด หุ้นอเมริการปรับตัวขึ้น พร้อมกับ การปรับขึ้นของราคาน้ำมันสร้าง แรงซื้อ ขึ้นมาในตลาดหุ้นอเมริกา ทำให้ราคาทอง ปรับตัวลดลง
- รายงานการประชุม Fed เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า ที่ประชุมพร้อมที่จะพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน มิ.ย. หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยืนยันว่าฟื้นตัวได้ดี
: ต้องรอดูตัวเลขที่เหลือที่จะทยอยออกมาหลังจากนี้
Cr. Sinthorn
"ซูซูกิ มอเตอร์" ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องในการทดสอบอัตราประหยัดเชื้อเพลิงของรถตนเองที่ญี่ปุ่น
นับเป็นข่าวอื้อฉาวลักษณะเดียวกันกับ "มิตซูบิชิ มอเตอร์" ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
Source: ผู้จัดการออนไลน์
ตลาดหุ้นแนวโน้มเริ่ม เป็น sell off ประเมินว่าตลาดน่าจะปรับฐาน หลังประกาศผลประกอบการณ์เสร็จ
ทาง EUR ก็ยังมีเรื่องหนี้สิน และ เรื่องการที่บริษัทรถยนต์ ของเยอรมันจะโดนฟ้องร้อง
ส่วนทาง GBP ประเด็นที่กดดันตลาดคือ เรื่อง Brexist
-----------------------------------------
เหตุผลที่ทำให้น้ำมันราคาถูก
บทความนี้ชี้ว่า มีเหตุผล 2-3 ข้อที่จะทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับ $40-50 ไปอีกนานนับสิบปี ผมสรุปให้ฟังดังนี้
1. การค้นพบเทคโนโลยี Shale Oil ทำให้สหรัฐฯ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันมากถึง 88% ในช่วงปี 2008-2015 และต้องสังเกตว่า เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ต้นทุนการขุด Shale Oil ถูกลงเรื่อยๆ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ
2. มีการคาดการณ์ว่า ปริมาณสำรองของ Shale Oil ในสหรัฐฯ มีเพียง 17% ของที่มีอยู่ทั่วโลก แปลว่า อีกไม่นาน หากมีใครนำเทคโนโลยีนี้ไปขุดน้ำมันในประเทศอื่นๆ ก็จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
3. ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยี Horizontal Drilling and Fracking ที่ใช้กับ Shale Oil กำลังถูกนำไปใช้กับหลุมขุดเจาะแบบเก่า (ที่เราเห็นกันอยู่กลางทะเล) ซึ่งจะทำให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันได้อีกมหาศาล
ยังไม่นับเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่เปลี่ยนไปเร็วมาก และมีต้นทุนลดลงเร็วมากครับ
CR. Invest Like A Pro
-----------------------------------------
- ราคาน้ำมันรับตัวทดสอบ โซน $50
- ตลาดหุ้นและ ทองคำมีแรงขายออกมาหลังจากมีกระแสเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
-----------------------------------------
Comment
- กระแสเรื่อง sell in may ( คงมุมมอง )
- ประเด็นเรื่องปรับอัตราดอดเบี้ย ทางเฟดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คาดว่าอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
- ตอนนี้ Major rate ตัวดัชนี้ Dolar index เป็นตัวขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ในตลาด แม้ว่าตัวเลข เศรษฐกิจของประเทศ ที่ against dollar ออกมาดีก็ตาม สุดท้ายก็ยังปรับตัวตาม dollar index
- ตอนนี้ มุมมอง sell in may ( การปรับฐาน หนักๆ ของตลาดหุ้นทั่วโลกหลัง จาก ประกาศผลประกอบการณ์ )
: ตัวคอนเฟริม เรื่องการปรับฐาน คือ ผลประกอบการณ์ ที่หยุดการเติบโตของบริษัทใหญ่ๆ ประกอบกับข่าวเรื่องภาวะหนี้ของพันธบัตรต่างๆ
- ยังคงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน เป็นอินดิเคเตอร์ ในการฟื้นตัว และ ใช้การปรับตัวของราคาน้ำมัน เป็นตัวประเมิน การเกิดเงินเฟ้อ โดยถ้ายิ่งปรับตัวขึ้นเร็ว มองว่า กระแสข่าวเงินเฟ้อ ก็จะมีการนำมาประเมินกันต่อไป ( คงมุมมอง )
- เรื่องการนำ Negative interest มาศึกษาของ ทาง Us นั้น น่าจะเป็นแผนสำรอง ของทาง US ถ้าตัวเลขเศรษกิจ ยังไม่ดีขึ้น ถือว่าเป็นแผนสองสำหรับ การไม่ปรับอัตราดอกเบี้ย ***
-----------------------------------------
## มุมมองส่วนตัว ##
- อาทิตย์ก่อนนอกจากกระแส เรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย ทางอังกฤษ ก็มีประเด็น เรื่องผลโหวต ที่จะไม่ออกจากสมาชิกยูโรโซน ทำให้ เกิดแรงเก็งกำไร ในเงินปอนด์ คาดว่าอาทิตย์หน้า ตลาดน่าจะปรับตัว สู่ภาวะปรกติ โดยมีน้ำหนักอยู่ในประเด็นเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย โดยความสำคัญจะมาอยู่ที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
- ส่วนด้านเศรษฐกิจ ตอนนี้ แต่ละประเทศ ต้องการยอดการค้าขาย ด้านการส่งออก ดังนั้น การที่ค่าเงินแข็งค่ามากเกินไปจะส่งผลลบกับ ธุรกิจส่งออกภายในประเทศของตัวเอง
ดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงนี้จึง แกว่ง อยู่ในกรอบ กว้างๆ ( คงมุมมอง )
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะส่งผล นั้นจับตาตัวเลข ที่ออกมามากกว่าตัวเลขคาดการณ์ ซึ่งตอนนี้ ส่วนมากจะออกมา อยู่ในระดับตัวเลขคาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ ( คงมุมมอง )
Screnario
S1 :US ยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ย และ อาจทำ Negative interest
S2 : ปรับอัตราดอกเบี้ย โดนใน theme นี้แบ่งออกเป็น
Good inflation ( ปรับตัวแล้วทั่วโลกฟื้นสุดท้ายก็สามารถปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นได้ทุกประเทศ )
Bad inflation ( ปรับแล้วเกิดวิกฤติไปทั่ว ทำให้ทุกประเทศ ปรับลดดอกเบี้ยตาม )
----------------------------------------------------------
Story
Central Bank Rate
NDZ : 2.25%
AUD : 1.75%
CAD : 0.50%
GBP : 0.50% < update >
USA : 0.50%
JAPAN : -0.10%
EUR : 0%
CHF : -0.75%
RUB : 11.00%
เงินจะวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ ที่ ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าเสมอ
---------------------------------------------------
ปัจจัยพื้นฐาน
>>>Usa ( nothing change )
: Fed ประกาศว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ย อีก2ครั้ง
>>>Euro ( nothing change )
: ยังคงทำมาตาการ ผ่อนคลายต่อไป , ประเทศในกลุ่มยูโรส่วนใหญ่ยังมีหนี้อยู่
>>>Cny ( nothing change )
: ช่วงนี้ จีน คงมาตรการผ่อนคลาย ภายใน อาจมีการปรับ ลดค่าเงิน หรือ ลดดอกเบี้ย อีก
: IMF สนับสนุนการรวมเงินหยวนไว้ในตะกร้าสกุลเงิน SDR ,
: จีนกลายเป็น indicator การฟื้นตัวของโลก , เศรษฐกิจมี ผลกับ Aud กับ Nzd
: อยู่ในช่วงแก้ปัญหา , ภาพรวมเสถียรภาพ ของจีนเรื่องค่าเงินยังไม่ดี
: ในช่วงนี้มีประเด็นในเรื่องพื้นที่ในหมู่เกาะทะเลจีนใต้ กับ การที่จอร์จ โซรอส มองว่า ค่าเงินจีนควรอ่อนมากกว่านี้
>>>Gbp ( nothing change )
: อีซีบีเผยพร้อมใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อ , เคยประกาศอยากออกจาก สมาชิกในยูโรโซน
: มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกทีในช่วงปลายปี 2016
>>>Aud ( nothing change )
: การค้าเกี่ยวโยงกับประเทศจีน อาจมีการปรับลดดอกเบี้ย อีก ได้ ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ดีตามคาด
: ได้รับผลกระทบจากการที่ราคา commodity ปรับตัวลดลง
>>>Cad ( nothing change )
: ราคาน้ำมันมีผล เพราะน้ำมันเป็นสินค้าส่งออก
ช่วงนี้ ค่าเงิน ประเด็นหลักอยู่ที่ การขึ้นดอกเบี้ยของอเมริกา และ ผลกระทบจาการลดดอกเบี้ยของจีน ดังนั้นประเทศอื่นจึงมีปรับลดค่าเงินมาก่อน หน้า เพื่อป้องกัน ความผันผวน ที่เป็นผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย
>>>Jpy safe haven ( nothing change )
: safe haven
: ยังคงมีการทำ การผ่อนคลายทางการเงิน QE ด้วยการ , อาจมีการขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าจะไม่บรรลุ เป้าหมาย เงินเฟ้อ ที่ 2% ภายใน 2 ปี
: มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เป็น -0.1%
: แม้ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ไม่สามารถทำให้ ค่าเงินเยนอ่อน ได้
>>>Chf ( nothing change )
: safe haven
: ถูกมองให้เป็น safe haven ในช่วงภาวะ ที่ตลาดเกิดความไม่แน่นอน
>>>Gold ( nothing change )
: safe haven
: ทองตอนนี้สะท้อนมุมมองของการเป็น safe heaven ถูกใช้เป็นตัวกลางในการรักษามูลค่า จากความไม่แน่นอนในตลาดขาลง ทั่วโลก
>>>Oil ( nothing change )
: ปัจจัยที่มีผลกับราคาน้ำมันช่วงนี้จะเป็นข่าวด้านความร่วมมือกันลดกำลังการ ผลิตของแต่ละประเทศ ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ โดยราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ มีการลดปริมาณการผลิตลง กับ เรื่องการเกิดสงคราม
ช่วงนี้ บริษัทน้ำมันใหญ่ๆ ต่างประสบปัญหาขาดทุน
======================================
Cr.Mglthai
เริ่มหัวข้อโดย: admin ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 11:34:31 AM
เริ่มหัวข้อโดย: narjant ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 11:39:57 AM
เริ่มหัวข้อโดย: tuarza ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 12:14:43 PM
เริ่มหัวข้อโดย: Regera ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 12:21:46 PM
เริ่มหัวข้อโดย: Teerapong ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 12:36:36 PM
ดอลลาร์อ่อนค่าแตะกรอบบนของ 109 เยนในการซื้อขายเช้านี้ที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินเยน ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าร่วง
เมื่อเที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 109.80-109.81 เยน เมื่อเทียบกับ 110.17-110.27 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์ก และ 110.27-110.29 เยนที่ตลาดโตเกียวในวันศุกร์ เวลา 17.00 น.
ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.1230-1.1230 ดอลลาร์ และ 123.30-123.31 เยน เมื่อเทียบกับ 1.1218-1.1228 ดอลลาร์ และ 123.56-123.66 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.1212-1.1213 ดอลลาร์ และ 123.64-123.68 เยนที่ตลาดโตเกียวในเย็นวันศุกร์
ดีลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าร่วง หลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G7 ยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ (Public Spending) ซึ่งเป็นมาตรการที่มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ขณะที่ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเกือบทรงตัวเมื่อเทียบดอลลาร์ และแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบเยนในการซื้อขายเช้านี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Regera ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 12:38:35 PM
เริ่มหัวข้อโดย: admin ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 12:42:24 PM
ดอลล์อ่อนค่าแตะกรอบบน 109 เยน เหตุนักลงทุนซื้อเยนหลังหุ้นโตเกียวร่วง ดอลลาร์อ่อนค่าแตะกรอบบนของ 109 เยนในการซื้อขายเช้านี้ที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินเยน ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าร่วง เมื่อเที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 109.80-109.81 เยน เมื่อเทียบกับ 110.17-110.27 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์ก และ 110.27-110.29 เยนที่ตลาดโตเกียวในวันศุกร์ เวลา 17.00 น. ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.1230-1.1230 ดอลลาร์ และ 123.30-123.31 เยน เมื่อเทียบกับ 1.1218-1.1228 ดอลลาร์ และ 123.56-123.66 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.1212-1.1213 ดอลลาร์ และ 123.64-123.68 เยนที่ตลาดโตเกียวในเย็นวันศุกร์ ดีลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าร่วง หลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G7 ยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ (Public Spending) ซึ่งเป็นมาตรการที่มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเกือบทรงตัวเมื่อเทียบดอลลาร์ และแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบเยนในการซื้อขายเช้านี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
.gif)