Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์
สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ => Stock market ความรู้เกี่ยวกับหุ้น => พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุน => ข้อความที่เริ่มโดย: admin ที่ เมษายน 19, 2015, 09:01:10 PM
-
วิธีคิดแบบแยกความรู้สึกออก
1. บันทึกความรู้สึกลงบนกระดาษ ก่อนที่จะควบคุมอารมณ์ได้นั้นต้องรู้จักอารมณ์ของตนเองเสียก่อน ขั้นตอนแรกคือ การบันทึก ความรู้สึกต่อเหตุการณ์นั้นลงบนกระดาษ อาจเป็นการเขียนเพียง 1-2 บรรทัด เช่น เรากลัวว่าตลาดหุ้นจะตกต่ำไปกว่านี้อีก เรากลัวว่าหุ้น A จะทำให้เราขาดทุนมหาศาล เรากลัวว่าหุ้น B จะไม่ปรับตัวขึ้นไปอีกแล้ว เราคิดว่าหุ้น C น่าจะขึ้นไปได้อีกสัก 20% ตลาดผ่าน 450 จุดมาได้ ก็น่าจะวิ่งไปต่อจนถึง 500
2. ตั้งสติ โดยการเคลื่อนไหวร่างกายในส่วนที่มีความเครียด สูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อผ่อนคลาย ยิ้มแล้วเพ่งจิตไปที่ลมหาใจสักพัก ยิ้มอีกครั้งแล้วเริ่มขั้นที่ 3
3. มุ่งเน้นข้อเท็จจริง ไม่ว่าเราจะตัดสินใจทำอะไรลงไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องอาศัย “ข้อเท็จจริง” เป็นพื้นฐานในการพิจารณา โดยให้สมมติว่าตัวท่านเองเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่จะวิเคราะห์และชี้แนะเราในการลงทุน
เริ่มจากการบันทึกสิ่งที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น เช่น ราคาหุ้นตกลงมา 15% บริษัทมีผลประกอบการไตรมาส 1 ดี, ดัชนีดาวโจนส์ตกลงมาอย่างหนัก, ต่างชาติยังขายสุทธิเป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว, สภาพคล่องในประเทศยังคงสูง เป็นต้น
การบันทึกให้ถามตัวเองว่าสถานการณ์ที่แท้จริงคือ อะไรกันแน่ มีหลักฐานอะไรบ่งชี้ว่าจะมีเหตุการณ์ขึ้น เรารู้เรื่องนั้นได้อย่างไร คนทั่วไปคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?
4. แยกแยะปัจจัยบวกและลบ เมื่อท่านได้บันทึกข้อเท็จจริงต่าง ๆ ไว้หมดแล้วต่อมาคือการนำข้อเท็จจริงเหล่านั้นมาแยกออกเป็นปัจจัยบกและปัจจัยลบเช่น
ปัจจัยบวก
- เศรษฐกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่แน่ชัด
- แนวโน้มหุ้นสหรัฐไม่ดี เงินทุนต้องไหลออกสู่นอกประเทศ
- ความต้องการบ้านเพิ่มสูงขึ้น
- ดอกเบี้ยเงินท่าน้ ซื้อบ้านถูก
ปัจจัยลบ
ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมา มากกว่า 100% ใน 2 เดือนที่ผ่านมา
ต่างชาติขายต่อเนื่อง
บริษัทคู่แข่งมีการทำตลาดอย่างหนัก
5. วิเคราะห์ปัญหา/คาดคะเนอนาคต ก่อนการเริ่มวิเคราะห์ปัญหา หากท่านคิดว่าท่านยังมีอารมณ์ หรือความคิดที่ไม่เป็นกลางอยู่ ให้ท่านพักผ่อนสัก 1 – 2 ชั่วโมง แล้วกลับมาดูความจริงที่เขียนไว้ใหม่ แล้วคราวนี้ท่านจะเริ่มเห็นอนาคตได้เป็นกลางมากขึ้น
วิธีดังกล่าวไม่สามารถประกันว่าการวินิจฉัยของเราจะถูกต้องตลอดไป แต่อย่างน้อยก็จะช่วยให้เราสามารถควบคุมอารมณ์ เพื่อที่จะตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลยิ่งขึ้น