Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์
สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ => Stock market ความรู้เกี่ยวกับหุ้น => การประเมินผลการลงทุน => ข้อความที่เริ่มโดย: admin ที่ เมษายน 19, 2015, 08:34:56 PM
-
ประเมินหุ้นในพอร์ต
การประเมินหุ้นในพอร์ตจะไม่ใช่เพียง กำไรเท่าไร ขาดทุนเท่าไร แต่เราจะมองว่าหุ้นตัวนี้มีการปรับตัวขึ้นมามากหรือยัง แล้วจากที่เรามีการประเมินพื้นฐานไปในเบื้องต้น เราก็จะใช้ข้อมูลใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมว่าเราควรจะถือหุ้นตัวนี้ต่อไปหรือไม่ ควรซื้อตัวใดเข้ามา และขายตัวใดออก
ในที่นี้เราจะเสนอเครื่องมือ ในการดูอย่างง่าย ที่ใช้ในการประเมินว่าหุ้นตัวใดยังน่าลงทุนอยู่ หุ้นตัวใดควรขายทำกำไร ซึ่งขอเรียกว่า Growth Positioning Matrix
วิธีการวาด ก็จะนำบริษัทต่าง ๆ มาไว้รวมกันตามตำแหน่งของมัน โดยตำแหน่งของมันจะถูกกำหนดจากการเติบโตของบริษัท โดยเราจะเอาการเติบโตของบริษัทใน (ปีนี้ + ปีหน้า) / 2 มาเป็นข้อมูล จริง ๆ แล้วท่านอาจเอาการเติบโตของบริษัทเฉพาะในปีนี้เท่านั้นก็ได้ สิ่งที่สำคัญคือ ทุกบริษัทจะต้องใช้วิธีการกำหนดตำแหน่งจากหลักการเดียวกัน
ในอีกแกนหนึ่งจะถูกกำหนดโดย การเติบโตของราคาในช่วงที่ผ่านมาเราจะใช้ราคาปัจจุบันเทียบกันจากจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาแล้วเทียบเป็น % เมื่อได้ครบได้สองข้อมูลก็นำมาวาดลงบนกราฟเดียวกัน
วิธีการดู เราจะแบ่งพื้นที่บน รูปออกเป็น 4 ส่วนซึ่งเรียกว่า Matrix หุ้นที่อยู่ในส่วนเดียวกันจะเป็นหุ้นที่มีลักษณะคล้ายกันในแง่การเติบโตของราคาและการเติบโตของบริษัท ทั้ง 4 ส่ววนของ Matrix จะมีความหมายดังนี้
ส่วน A : คือ กลุ่มบริษัทที่มีอัตราการเติบโต อยู่ในระดับสูงแต่ราคาหุ้นยังไม่ปรับตัวรับกับพื้นฐานที่ดีนี้ หุ้นในกลุ่มนี้จึงยังคงน่าลงทุน และกลยุทธ์ที่แนะนำคือ การลงทุนเพิ่ม และรอให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วน B : คือ กลุ่มบริษัทที่มีอัตราการเติบโต อยู่ในระดับสูงและราคาหุ้นก็มีการปรับตัวขึ้นไปดี หุ้นในกลุ่มนี้จึงน่าสนใจที่จะลงทุนมาก แต่เนื่องด้วยราคาได้มีการปรับขึ้นไปพอสมควรแล้ว จึงมีความเสี่ยงสูงกว่าในกลุ่มแรกอยู่หากท่านมีหุ้นอยู่ในพอร์ตอยู่แล้ว ให้ท่านถือหุ้นรอต่อไปจนกระทั่งราคาหุ้นมีการปรับตัวเกินกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นจึงขายออก กลยุทธ์ที่แนะนำคือ ถือลงทุน
ส่วน C : คือ กลุ่มบริษัทที่มีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับไม่สูง แต่ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นไปสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของพื้นฐาน หุ้นกลุ่มนี้จึงมีราคาที่สูง เกินกว่าที่ควร ถึงแม้ราคายังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ แต่ความเสี่ยงที่ของราคาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน กลยุทธ์ที่แนะนำคือ ให้ตัดใจขายออกไปแล้วมองหาบริษัทอื่นที่น่าลงทุนและมีความเสี่ยงน้อยกว่านี้ หากตัดใจทิ้งหุ้นไปไม่ได้ ให้ขายทำกำไรออกมาบางส่วนเพื่อเป็นการลดความเสี่ยง
ส่วน D : คือ กลุ่มบริษัทที่มีอัตราการเติบโตต่ำ และราคาหุ้นก็ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวหรือมีการปรับขึ้นแล้วลงมาที่เดิม หุ้นกลุ่มนี้โดยพื้นฐานก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร เพราะมีการเติบโตไม่สูง ยิ่งหากราคาไม่ไปไหนเลย จึงไม่น่าลงทุนและกลยุทธ์ที่แนะนำคือ หลีกเลี่ยง หากท่านมีหุ้นในกลุ่มนี้อยู่ให้พิจารณาว่า มีโอกาสมั้ยที่บริษัทจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต ถ้ามีท่านอาจถือต่อไปบางส่วน แต่ต้องขายออกมาบ้างเพื่อนำเงินไปทำประโยชน์มากกว่านี้จะดีกว่า