Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์
สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ => Stock market ความรู้เกี่ยวกับหุ้น => การปรับกลยุทธ์ในการเล่น => ข้อความที่เริ่มโดย: admin ที่ เมษายน 19, 2015, 08:47:15 PM
-
กลยุทธ์การขาย
การซื้อหุ้นที่ดูเหมือนยาก แต่การขายหุ้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ทั้งขายขาดทุนหรือการขายเมื่อมีกำไร การขายเมื่อมีกำไรเหมือนกับเวลาเราดูละครเพลิน ๆ แต่มีธุระต้องไปทำ แม้เราจะรู้ว่าถึงเวลาแล้วแต่ก็ตัดใจเลิกดูในทันที ไม่ได้เทคนิคการขายจะไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย หากคุณมีการวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน และที่สำคัญกว่าการวางแผนคือ การจำได้ว่าแผนการที่วางไว้ ที่เราตั้งใจจะทำมันคืออะไร แล้วทำมันซะ ดังนั้นจึงมีเพียง ข้อคิดเล็ก ๆ ที่จะฝากไว้ในเรื่องการขายนั่นคือ
- หากหุ้นตัวใดตั้งใจว่าจะถือยาว ก็ควรจะปล่อยให้กำไรมันเติบโตไป
- การขายไม่จำเป็นจะต้องขายหุ้นที่กำไรมากที่สุดออกก่อน
- จุดขายที่ดี คือขายที่จุดแนวต้าน เพราะเป็นจุดที่หุ้นมีความเสี่ยงที่จะลงสูงกว่าที่ราคาทั่วไป
- หุ้นที่เราซื้อเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้น อย่าปล่อยไว้นาน แม้ราคาอาจยังไม่ไปถึงเป้าหมาย เพราะการทิ้งไว้จะเกิดการเสี่ยงตามเวลาที่เพิ่มขึ้น (เสี่ยงต่อสิ่งที่จะเกิด)
- ในหลาย ๆ ครั้งที่เราขายแล้วหุ้นขึ้นต่อ จงดีใจแล้วถือว่า เป็นมารยาทที่ดีที่จะให้คนที่ซื้อต่อจากเราได้มีกำไรบ้าง เพราะเขาจะรับเอาความเสี่ยงของเราไปด้วย
- หากเรามีการวิเคราะห์ไว้ดีแล้ว จุดที่เราขายมักจะไม่ไกลจากจุดสูงสุดเท่าใดนัก
- บางครั้งท่านต้องรู้จักตัดขาดทุน
การตัดขาดทุน (Cut Loss)
การตัดขาดทุน ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Cut Loss หรือ Stop Loss ซึ่งความหมายก็คือ การหยุดการขาดทุน เราจะยอมขาดทุนเพียงเท่านี้ไม่ยอมขาดทุนเพิ่ม นักค้าหุ้นที่ดีต้องไม่กลัว และรู้จักยอมรับ การขาดทุนบ้าง แต่จะนำเอาความกลัวขาดทุนมาสร้างเป็นเทคนิคในการป้องกันความเสี่ยง
เพราะการซื้อหุ้นย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้ หากเมื่อใดที่คุณผิดพลาดขายก็ไม่ขาดทุน แต่จริงๆ แล้ว เราจะทั้งขาดทุนและเสียงโอกาส ยิ่งไปกว่านั้นสักวันหนึ่งหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตทั้งหมดก็จะมีแต่หุ้นที่ขาดทุน
แต่ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่ขาดทุนแล้วจะต้องตัดขาดทุนตลอด แต่ท่านจะตัดขาดทุนเมื่อ
1) การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ ซื้อไว้ไม่เป็นไปตามที่คาดคะเนไว้เมื่อตอนก่อนจะซื้อ นั่นคือ คาดว่าราคาจะปรับสูงขึ้น แต่กลับลดลงหรือซึมคงที่อยู่เป็นเวลานาน การขายตัดขาดทุนออกไปจึงเป็นการปรับเปลี่ยนแผนการเล่นหุ้นให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง คือ เมื่อหุ้นตัวนั้นดูแล้วไม่มีอนาคตก็ไม่ควรถือไว้อีกต่อไป ควรขายออกไปก่อน แม้จะต้องขาดทุนก็ตาม เพราะเป็นการขาดทุนที่แลกกับโอกาสที่ดีกว่า แทนที่จะต้องรอไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร
2) คาดคะเนว่าแนวโน้มของราคาหุ้นตัวนั้นจะลดลงไปเรื่อยๆ ก็ควรจะขายตัดขาดทุนออกไปและถือเป็นเงินสดไว้ การถือเงินสดไว้มีข้อดีตรงที่ว่า ค่าของมันไม่ได้ลดลงตามราคาหุ้น ในขณะที่ราคาหุ้นตัวนั้นสามารถจะลดลงไปได้เรื่อยๆ การตัดขาดทุนแล้วถือเป็นเงินสดเพื่อจะได้จ้องหาจังหวะซื้อหุ้นตัวอื่นที่ดีกว่า จึงนับเป็นการขาดทุนเพื่อซื้อโอกาสทำกำไร
3) คาดคะเนว่าภาวะตลาดหุ้นจะอยู่ในระยะแนวโน้มหุ้นขาลง (downtrend) และทำท่าว่าจะตกต่ำอยู่เป็นระยะเวลานานนับเดือนหรือเป็นปี ดังเช่นช่วงที่เกิดภาวะวิกฤติทางการเงิน ในปี 40-43 คุณก็ควรจะขายตัดขาดทุนออกไปก่อน ซึ่งอาจจะต้องถึงขั้นขายหุ้นในมือออกไปให้หมด หรือที่เรียกว่า “ล้างพอร์ต” เลยทีเดียว เพราะขืนถือหุ้นไว้มูลค่าหุ้นในมือก็มีแต่จะลดลงเรื่อย ๆ เปลี่ยนเป็นถือเงินสดมูลค่ายังจะไม่ลดลงไปกว่านั้น
4) แน่ใจว่ามีหุ้นตัวอื่นที่มีอนาคตดีกว่าหุ้นที่คุณถืออยู่ คุณก็ควรขายตัดขาดทุนออกไป เพื่อเปลี่ยนไปถือหุ้นที่มีโอกาสได้กำไรเร็วกว่า แทนที่จะจมปลักอยู่กับหุ้นที่คุณคิดว่า “เน่า” แล้วการตัดขาดทุนเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้นที่ดีกว่าใช้ได้เสมอไม่ว่าสภาพตลาดจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม
5) ต้องการลดความรู้สึกอึดอัดหรือถูกกดดัน เมื่อเห็นว่าราคาหุ้นบางตัวในมือมีราคาลดลงไปถึง 10 – 15% แล้ว และดูไม่มีทีท่าว่าจะปรับสูงขึ้น สภาพการซื้อขายหุ้นตัวนั้นก็ซบเซา ในขณะเดียวกัน หุ้นตัวอื่นๆ ในมือก็มีราคาทรง ๆ ไม่มีโอกาสทำกำไร คุณเองก็หมดเงินทุน หรือลงทุนไปมากแล้วไม่ต้องการลงทุนเพิ่ม รู้สึกอึดอัดกับภาวะที่ “ทำอะไรไม่ได้” ในขณะที่ภาวะตลาดก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่หุ้นในมือของคุณมัน “อืด” เต็มที่เท่านั้น แบบนี้คุณก็ควรยอมขายตัดขาดทุนหุ้นตัวที่คาดว่าจะซบเซายาวนานออกไป ความรู้สึกทางจิตจะได้ดีขึ้น และก็จะสามารถทำอะไรได้ดีเมื่อจิตใจคุณปลอดโปร่ง
การตัดขาดทุนคือ การบ่งหนามออก ซึ่งอาจจะเจ็บบ้าง แต่เมื่อคุณหายดีแล้วจะได้เริ่มต้นทำงานได้ดีขึ้น แต่ในบางครั้งเมื่อคุณขายไปแล้ว หุ้นทำท่าว่าจะดีขึ้น จงอย่าไปเสียดายกับมัน จงมั่นใจในสิ่งที่คุณทำ เพราะสิ่งเหล่านี้จะดูเพียงระยะสั้น ๆ ครั้งสองครั้งไม่ได้ จะต้องดูยาว ๆ ไป ส่วนที่ได้จะมีมากกว่าส่วนที่เสีย