วิเคราห์และอัพเดตข่าวที่น่าสนใจ แบบตรง ๆ ดิบ ๆ

[admin]

ละออมาครับ ขอบคุณครับท่านที

[Regera]

สาธุครับ ขอให้เขียว เถอะ หาเงินใช้ เสาร์ อาทิตย์ 

[Teerapong]

จุดเปลี่ยนนโยบายการเงินที่นักลงทุนต้องเตรียมพร้อม

เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยมุ่งหวังที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งในรูปแบบของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำถึงติดลบ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบหรือที่เราคุ้นชินกับคำว่า มาตรการ QE ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจโลกอยู่ในระดับสูง เม็ดเงินเหล่านั้นได้กระจายเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงทองคำเช่นกัน

ปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวกลับสู่ระดับการขยายตัวถือเป็น "ปกติ" ดัชนีชี้วัดระบบเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรปและเอเชียล้วนแต่บ่งชี้ไปในทิศทางที่เข้มแข็งขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อเวลา “เปลี่ยน” เศรษฐกิจโลก “เปลี่ยน” ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มส่งสัญญาณว่าจะ “เปลี่ยน” แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินจากเดิมที่เป็นไปในลักษณะผ่อนคลายเพื่อกลับสู่ภาวะปกติ (Monetary Policy Normalization) เช่นกัน

โดยธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ถือว่าเป็นธนาคารกลางขนาดใหญ่ที่เริ่มต้นกระบวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงมีการประกาศจะเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุล FED ในปีนี้ด้วย ล่าสุดธนาคารกลางชั้นนำหลายแห่งนอกเหนือจาก FED อาทิ ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB, ธนาคารกลางอังกฤษ หรือ BOE, และธนาคารกลางแคนาดา ออกมาส่งสารที่สอดคล้องกัน

คือ ธนาคารกลางทั่วโลกจะมีการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ มาตรการ QE และจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แน่นอนว่าสัญญาณแบบสายเหยี่ยวจากธนาคารกลางทั่วโลก ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดสินทรัพย์ทั่วโลก แรงกระทบดังกล่าว กระเพื่อมมากกว่าผลการประชุมครั้งล่าสุดของ FED ซะด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในระยะสั้นถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลายแห่งที่บ่งชี้ว่าจะปรับลดนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายส่งผลหนุนให้ยูโร ดอลลาร์แคนาดาและปอนด์แข็งค่าซึ่งเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าและส่งผลในเชิงบวกต่อราคาทองคำ

แนวโน้มดังกล่าวกลายเป็นปัจจัยใหม่ที่อาจกดดันราคาทองคำในอนาคต เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลกส่งผลให้เกิดแรงเทขายพันธบัตรระยะยาวจากนักลงทุนและเป็นผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลให้ต้นทุนในการถือครองทองคำก็สูงขึ้นตามไปด้วยเพราะทองคำนั้นไม่ให้ดอกเบี้ยผลตอบแทนในการถือครองและปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาทองคำ

จุดสิ้นสุดของนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่ใกล้เข้ามา ถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนทองคำจะต้องเรียนรู้และเตรียมพร้อมรับมือเพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนติดตามความชัดเจนของการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆอย่างใกล้ชิด

ที่มา MGR Online

[Teerapong]

ผมดู   เรื่อง  ดอกเบี้ย   nzd   เท่าที่เข้าใจ   เงินเฟ้อ  ที่ 1.7%    ซึ่งต่ำกว่าเกณมาตราฐาน คือ 2%  และปัจจัยทางเสดกิจไม่ สนับสนุน  สักเท่าไหร่ ต้องรอข้อมูลเพิ่มก่อน   วันจัน ช่วง 10.00

ปัจจัยที่เอื้อ  ตอนนี้ คือ  การขายปลีกที่เพิ่มขึ้น  จากการจับจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น  แต่ไม่มีการกระโดดของตัวเลข   

คาดว่า  10.00 ในวันจัน   nzd expectation QoQ. เชื่อว่าเคลื่อนที่ ราว 200จุดได้       ตัวเลขครั้งที่แล้ว 2.2% เป็นตัวเลขคาดหวัง   แต่  ตัวเลขเงินเฟ้อจริง  คือ 1.7%  ต่ำกว่ามากที่ ธนาคารต้องการมาก   และชี้ไปทางที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวอีก      ดูจาก  หลายๆประเทศที่ผ่านมา นอกจาก  แคนนาดา  ยังไม่มีใครตัดสินใจ เรื่องดอก เลย
เป็นไปได้  ว่า จะ  ออกมาต่ำกว่าครั้งที่แล้ว     

[Teerapong]

**ส่งการบ้าน 5/8/17 ใช้เทรดระหว่างวันที่ 7-11/8/17**
-->สรุปสัปดาที่ผ่านมา
USDJPY เป็นไซด์เวย์ โดยวันจันถึงพุธก่อตัวเป็น morning star แบบหลอก ก่อนที่จะมาทุบในวันพฤหัส แล้วพอวันศุกก็บินกลับขึ้นไป  (USDJPY อาทิตหน้าคาดว่าน่าจะกลับเป็นเทรนขึ้น เพราะตอนนี้มาสร้างแนวรับใหม่ไว้ที่ 109.84 แล้วโดยเชื่อมกันสองยอดของวันพฤหัส ศุก ละก็จุดตำ่สุดของเมื่อสองเดือนก่อน)
-->GA เป็นกราฟที่มีการกลับเทรนวันพฤหัส โดยกลับแรงมากขนิดที่ว่า แค่วันพฤหัส กับศุก ก็ลง เกือบถึงจุดที่เปิดราคาไปวันจันแล้ว โดยอย่าลืมว่าตอนเปิดตอนแรก สามวันเป็นแทรนขึ้นอยู่ (ส่วน GA ยังไม่แน่ว่าจะลงต่อรึเปล่า)
***ข่าวที่น่าเล่นในสัปดาหน้า
-->วันจันที่ 7/8
-14.30 GBP ข่าวราคาบ้านของฮาลิแฟ็กซ์ อันนี้คาดว่าจะออกมาในทาง BUY เพราะสัปดาที่แล้วดัชนีราคาบ้านของรัฐบาลก็ออกมาบวก ครั้งที่แล้ววันที่ 7 กรกฎา วิ่ง 200 จุด
-->วันอังคารที่ 8/8
-6.00 GBP ข่าวการขายปลีก คาดว่าจะออกมาในทาง buy เพราะตัวเลข ครั้งก่อนอยุ่ที่ 1.2 % ส่วนตอนนี้ตัวเลขที่ไม่เป็นทางการอยู่ที่ 2.6 % ครั้งก่อน วิ่ง 100 จุด ตอนวันที่ 10 กรกฎา
-6.50 JPY adjusted current account อันนี้เกี่ยวกับส่งออกนำเข้าอันไหนมากกว่า อันนี้คาดว่าจะออกมา ทำให้ UJ เซล เพราะว่าเดือนที่ผ่านมา ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นออกมาดี ครั้งก่อนวันที่ 6 กรกฎา วิ่งไป 150 จุด
-08.30 Aud ข่าวNAB Business Confidence
-21.00 USD ข่าวตำแหน่งงานที่พร้อมรับ อันนี้คาดว่าจะออกมาในทางบวกนะ เพราะตัวเลขเกี่ยวกับรายได้ครั้งก่อน มันดีขึ้นแสดงให้เห็นว่าต้องมีการเข้าทำงานเพิ่ม ก็คือถ้าคนจะเข้าทำงานได้ ดังนั้นต้องมีตำแหน่งงานให้สมัครก่อน ครั้งก่อน ตอนวันที่ 11 กรกฎา วิ่งไป 100 จุด
-->วันพุธที่ 9/8
-7.30 AUD ข่าวดัชนีชี้วัดผู้บริโภค อันนี้คาดว่าจะออกมาในทางลบ เพราะว่าเสดกิดออส ตอนนี้ดูจะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องอยู่ จากตัวเลขเสดกิดที่มันไม่ค่อยกระเตื้องในช่วงหลังๆดูจะลดการเจริญเติบโตไป แบบดูโตช้าลง เลยคาดว่าน่าจะทำให้เงินออส อ่อน แล้วน่าจะทำให้ GA ได้บาย แต่ครั้งก่อนตัวนี้ออกมาวันที่ 10 กรกฎา ว่งไป 85 จุด
-08.30 Aud ข่าว Westac Consumer Confidence
-19.30 USD non farm productivity อันนี้คาดว่าจะออกมาในทางบวก เพราะการจะมีผลผลิตได้ ก็แสดงว่าการจ้างงานจะต้องมีมากซึ่ง ข่าวเกี่ยวกับการจ้างงานของนอนฟาม อาทิตที่แล้วก็ออกมาแล้วว่าดีขึ้น ดังนั้นคาดว่าจะได้ buy โดยอันนี้ย้อนไปดูไม่ได้ว่าวิ่งกี่จุดพราะข่าวออกเป็นไตรมาศละมันย้อนไปไกลนิดนึง ไปดูไม่ถึง
-->วันฤหัสที่ 10
-04.00 NZD ข่าวดอกเบี้ย
-15.30 GBP Manufacturing Production อันนี้ไฮไลท์มากๆพราะคราวก่อน วันที่ 7 กรกฎา ทุบลงไป ถึง 200 จุด ในไทม์เฟรม M 5 ละ M 30 ทุบไป 400 จุด โดยอันนี้ส่วนตัวคิดว่าจะออกมาในทาง buy เพราะ ยอดการสงออกล่าสุด ออกมาในทางบวก และการส่งออกก็น่าจะออกมาจากผลผลิตในประเทส เลยคิดว่าน่าจะเกี่ยวๆกัน แต่ก็อยากให้ครูช่วยดูเพราะคาดว่าตัวนี้แหละที่จะทำกำไรได้เยอะในสัปดานี้
19.30 USD PPI อันนี้ยังไม่รู้วิธีคำนวนแบบละเอียด ถ้าครูมีวิธีคำนวน ก็อยากได้เหมือนกันนะ แต่จะลองวิเคราะห์ดูคร่าวๆจากการดูว่ามันเกี่ยวกับข่าวอะไร โดยอันนี้เกี่ยวกับอำนาจการต่อรองของผู้ผลิต ซึ่งถ้ามีผลผลิตมาก ผู้ผลิต ก็น่าจะมีอำนาจการต่อรองราคาสูง ซึ่งนั่นจะเป็นผลดี และตัวเลขเกี่ยวกับการผลิตในเดือนที่แล้วก็ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ก็เลยคิดว่าน่าจะทำให้ข่าวนี้ได้ buy โดยครั้งล่าสุดข่าวนี้ออกมาวันที่ 13 กค. กราฟวิ่งไป 150 จุด
-->วันศุกที่ 11/8
-05.45 NZD ข่าวเงินเฟ้อ
-08.00 Aud ข่าว Consumer Inflation Expectation
19.30 CORE CPI ข่าวนี้แรงมากๆ แต่ว่าโดยส่วนตัวกลัวและไม่กล้าวิเคราะห์เพราะครั้งก่อนที่มันออกมา วิเคราะห์ไปผิดทาง แล้วโดนล้างพอร์ต เลยโดยอันนี้เป็นดัชนีการชี้วัดผู้บริโภค อันนี้น่าจะขึ้นกับข่าวภาคการผบิตและภาคการบริการเพราผู้บริโภคเปนผู้เข้าไปใช้บริการ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขบ่งชี้ว่าภาคการบริการ ออกมาดีกว่าคาดการณื แต่ในส่วนของภาคการลิตนั้น ตัวเลขจะออกมาในวันพฤหัส ซึ่งจะออกมาก่อนหน้าข่าวนี้เพียงวันเดียวเท่านั้น แต่ ก็คาดไว้ว่าจะ buy ดังนั้น ตามคาดการณ์ตอนนี้ก็คิดว่าจะ buy เหมือนกันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากให้ครูช่วยดูให้ด้วยเพราะว่าอาทิตนี้คาดหวังไว้กะข่าว สามตัว ซึ่งมีตัวนี้เป็นหนึ่งในนั้นด้วยโดยครั้งก่อนในวันที่14กรกฎา กราฟวิ่งไป 300 จุดในไทมเฟรม M 5 และ 750 จุด ในT/F m30
ปล. อ้อ ถ้าจะเล่นตามเทรน วัน พฤหัส อย่าลืม ปิด UJ เพราะตอน ตี 1 ของวันศุก มีข่าว Uj
-----####----- cr.credit

[Teerapong]

ดอลลาร์ดีดตัวใกล้แตะ 111 เยน จากแรงซื้อต่อเนื่องสัปดาห์ที่แล้ว หลังเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐแกร่ง
.
ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นใกล้แตะ 111 เยนในวันนี้ โดยได้รับแรงซื้อต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ณ เวลา 20.27 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.20% สู่ระดับ 110.89 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.30% สู่ระดับ 130.67 เยน และขยับขึ้น 0.14% สู่ระดับ 1.1785 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.06% สู่ระดับ 93.48

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.3%

นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันศุกร์

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า แรงซื้อดอลลาร์ยังคงถูกจำกัด โดยนักลงทุนมีความกังวลต่อปัจจัยการเมืองในสหรัฐ ขณะที่การสอบสวนกรณีรัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้วยังคงดำเนินต่อไป

ที่มา ryt9

[Teerapong]

(Aug กรรมการเฟด 2 ท่านมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับต่ำ: วานนี้นาย James Bullard, St. Louis Fed President (Non-voter) ให้ความเห็นว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันถือว่าอยู่ระดับที่เหมาะสม “over near term” ดังนั้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากดัชนีอัตราเงินเฟ้อ Core PCE ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ร้อยละ 2 สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันด้านราคาที่มีอยู่อย่างจำกัด

นอกจากนี้ นาย Bullard แสดงความกังวลว่าการที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำนี้ อาจมิได้เป็นเพียงภาวะชั่วคราว เนื่องจากปัจจัยที่จัดเป็น persistent factor อาทิเช่น พัฒนาการทางเทคโนโลยี นั้นส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการหลายประเภท

ด้านนาย Neel Kashkari, Federal Reserve Bank of Minneapolis President (Voter) กล่าวในทำนองเดียวกันว่าการที่ระดับอัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย มีความสำคัญต่อความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางสหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะสามารถทำให้ระดับอัตราเงินเฟ้อเข้าสู้ระดับเป้าหมายได้ และธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ต้องการความเชื่อมั่นจากนักลงทุนโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเงิน

ดังนั้น นาย Kashkari จึงมีความต้องการที่จะเห็นการขยายตัวของอัตราค่าจ้างในระดับที่สูงขึ้น เพื่อประโยชน์ของแรงงาน ชุมชน รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ เองด้วย

Source: BOTSS

 Fed won't need to raise interest rates in near term: Bullard
https://www.cnbc.com/2017/08/07/fed-wont-need-to-raise-interest-rates-in-near-term-bullard.html

[narjant]

จัดไปครับ   

[admin]

 ขอบคุณครับท่านที 

[Teerapong]

นักลงทุนตกใจ ตลาดดาวโจนส์ ขึ้นผิดคาดหลังจาก บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลายบริษัทต่างประกาศผลประกอบการดีขึ้น
ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินจากสินทรัพย์ ปลอดภัย อย่างทอง เข้าสู้หุ้น ทำให้ทองคำร่วงลงมา 10เหรียญ

ด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดสามารถชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นมาก หากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการปรับตัวดีขึ้น

"อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันยังคงมีความเหมาะสมในระยะใกล้" นายบูลลาร์ดระบุ

ทั้งนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ อยู่ที่ระดับ 1.5% และอยู่ห่างจากระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

นายบูลลาร์ดกล่าวว่า มีการคาดการณ์กันว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นเพียงแค่ระดับ 1.8% ถึงแม้อัตราการว่างงานของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 3% จากระดับ 4.3% ในปัจจุบัน ซึ่งจากการที่มีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อย ทำให้เฟดจึงไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

#ทองลง
#อินเตอร์โกลด์

[admin]

ขอบคุณครับท่านที 

[Teerapong]

Update: ข่าวเศรษฐกิจช่วงเช้า
-SPDR ไม่มีการเคลื่อนไหว ถือครองสุทธิ 786.87 ตัน
-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ -36.64 จุด อยู่ที่ 22,048.70 จุด
(+) ข่าวที่ส่งผลบวกต่อทอง
-สต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด -6.5 ล้านบาร์เรล

[admin]

ขอบคุณครับท่านที 

[Teerapong]

Jpy
สภาพเศรษฐกิจ  มีการ จัดจ่ายงานอย่างมากมาย    การว่างงานนั้นลดลงมาก จริงๆ     ตัวเลขของพนก.พาทไทม พุ่งแบบก้าวกระโดด  แต่จำนวนพนก.งานประจำขยับลดลง มานิด
สิ่งที่พบในตลาดแรงงาน  มีอัตรารายได้-0.4%   และผลงานของแรงงานต่ำมาก
ค่าอาหาร  ยังคงสูง อยู่ เมื่อดู รายได้มาประกอบ   ทำให้เห็นว่า  ยอดขายปลีก   ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย   แต่จุดสังเกตและสอดคล้องกันคือ   การใช้บัตรเครดิต ที่กระหน่ำรูดแบบ ระห่ำ    ความมั่นใจผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น    ดีที่ ดอกเบี้ยของญี่ปุ่น -0.1%

ในภาคธุรกิจ ได้ผมดีในการขอท่าน้ มากและเชื่อว่ามีนโยบายสนัยสนุน   ดูจากตัวเลขการล้มละลาย  ลดลงแบบ ทุบลงมาซึ่งถือว่าดีทีเดียว    บรษัทที่สำรวจยังถือว่าญี่ปุนยังถือว่า  ดีเลย
พอมาดูด้านการผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ดูน่าผิดหวังมาก จริงๆ แต่โรงงานขนาดกลางการเมืองญี่ปุ่น     การที่แรงงาน มีศักยภาพห่วยแตก  ส่งผลในทางลบ  ต่อ ภาพเศรษฐกิจชัดเจน
ทำให้  มองว่า การนำเข้าส่งออกจะไปในทางขาดดุลย์มากกว่า
มองไม่เห็นว่าจะญี่ปุ่นจะ  บวกได้ไง
 
สิ่งทีต้องจับตา คือนโยบายการเงิน


การเมือง  ยังถือว่าดีกว่า  อเมริกามาก
สงคราม....มีบ้างเพราะเมกา

[Teerapong]

Breaking News:  ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)  ประกาศออกมาแย่กว่าที่คาดที่ระดับ -0.1% จากที่คาดว่าจะเท่าเดิมที่ 0.1% ส่วนตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมราคาอาหารสดและราคาน้ำมันดิบประกาศออกมาลดลงกว่าที่คาดเช่นกันที่ระดับ -0.1% จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากตัวเลขเดิมในเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 0.1% ซึ่งตัวเลขประกาศออกมาน่าผิดหวังในรอบ 11 เดือน และตัวเลขที่ลดลงสร้างความกังวลให้กับเฟดอีกด้วย