วิเคราห์และอัพเดตข่าวที่น่าสนใจ แบบตรง ๆ ดิบ ๆ

[Teerapong]

ด่วน!! ศรีลังกาสั่งเคอร์ฟิวแล้ว หลังระเบิดเกิดขึ้นไม่หยุด รอบที่ 8 เข้าไปแล้ว ยอดดับพุ่ง 160
Cr:https://mgronline.com/around/detail/9620000038576

รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอพี/เอเจนซีส์ - เกิดเหตุระเบิดครั้งที่ 8 ของวัน ยอดดับรวมอยู่ที่ 160 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บมีไม่ต่ำกว่า 400 ราย ล่าสุดกระทรวงกลาโหมศรีลังกาทนไม่ไหว สั่งประกาศใช้เคอร์ฟิวส์เวลากลางคืน ในเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศความรับผิดชอบ ด้านผู้นำศรีลังกาแสดงความรู้สึกตกใจต่อเหตุร้าย ส่วนสถานทูตต่างชาติในศรีลังกาออกคำเตือนพลเมืองให้อยู่ในความระมัดระวัง

RT สื่อรัสเซียรายงานวันนี้(21 เม.ย)ว่า เกิดระเบิดครั้งที่ 8 ที่กรุงโคลัมโบ หลังจากที่มีผู้เสียชีวิตรวมใน 7 ครั้งก่อนหน้าอยู่ที่ 160 ราย และบาดเจ็บอีกร่วมหลายร้อยคน โดยเอเอฟพีรายงานก่อนหน้าว่า เกิดระเบิดครั้งที่ 7 ของวันอาทิตย์(21) ที่โรงแรมทางใต้ของกรุงโคลัมโบย่านชานเมืองเดฮีวาลา( Dehiwala) โดยโฆษกตำรวจศรีลังกา รูวาน ท่านนาซาเซเกรา(Ruwan Gunasekera) กล่าวว่า การระเบิดรอบใหม่นี้มีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 2 คน

หลังจากเกิดการโจมตีตลอดทั้งวันทำให้กระทรวงกลาโหมศรีลังกาออกคำสั่งให้บังคับใช้กฎหมายการสั่งห้ามออกนอกบ้านในช่วงเวลากลางคืน อ้างอิงจากเอเอฟพี

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลแห่งชาติโคลัมโบได้ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีในช่วงแรกของวันอาทิตย์(21)ถึงการระเบิดเมื่อ 6 ครั้งก่อนหน้าว่า “ได้รับตัวผู้ป่วย 80 รายเข้ารับรักษาพยาบาล และจะยังคงมีเข้ามาเรื่อยๆ”

ตำรวจศรีลังกาให้ความเห็นว่า ระเบิด 2 ครั้งแรกสุดเกิดขึ้นที่โบสถ์ทางตอนเหนือของกรุงโคลัมโบ และเมืองเนกัมโบ(Negombo) ชานเมืองกรุงโคลัมโบ โดยสื่อเดอะเนชันแนลได้เปิดเผยในรายละเอียดว่า ระเบิดเกิดขึ้นที่โบสถ์เซนต์ แอนโธนีย์(St Anthony's Church ) ในโคชชิกัด(Kochchikade) กรุงโคลัมโบ และอีกแห่งคือโบสถ์เซนต์ เซบาสเตียน (St Sebastian's Church  )ที่ คาตูวาปิติยา(Katuwapitiya) ในคาตานา(Katana) แต่เอพีชี้ว่า มีโบสถ์ทั้งหมดรวม 3 แห่งตกเป็นเป้าโจมตี

เดอะเนชันแนลกล่าวว่า มีรายงานการระเบิดที่โรงแรมแชงกรี-ลา และโรงแรมคิงส์บิวรี(Kingsbury Hotel) กลางเมืองหลวง สอดคล้องการรายงานของตำรวจศรีลังกาที่ให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า มีโรงแรมไม่ต่ำกว่า 3 แห่งในศรีลังกาเกิดระเบิดขึ้น รวมไปถึงโรงแรมซินนามอนด์ แกรนด์ (Cinnamon Grand Hotel)

เอพีชี้ว่า ภาพข่าวทางโทรทัศน์แสดงให้เห็นถึงสภาพความเสียหายที่เกิดบริเวณโรงแรมหรูทั้ง 3 แห่ง

โดยบริเวณชั้น 2 ของโรงแรมแชงกรี-ลาที่ถูกระเบิดมีสภาพที่เพดานและหน้าต่างได้รับความเสียหายอย่างหนัก สายห้อยระโยงระยางและโต๊ะล้มคว่ำกระจัดกระจายบนพื้นสีดำที่เต็มไปด้วยเขม่า ตำรวจพื้นที่ได้เข้าไปตรวจภายในโรงแรมที่มีร่างผู้เสียชีวิตถูกนำออกมาจากบริเวณส่วนภัตตาคาร ส่วนบริเวณด้านนอกรั้วกั้นรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่มีร่างผู้เสียชีวิต 3 รายถูกปกคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาว

โฆษกโรงพยาบาลแห่งชาติศรีลังกาให้สัมภาษณ์กับเอพีว่า ทางโรงพยาบาลรับร่างผู้เสียชีวิต 47 ราย ที่รวมไปถึงชาวต่างชาติ 9 คน และมีผู้เข้ารับรักษาอาการบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 200 คน

โดยภาพที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นถึงภายในโบสถ์เซนต์ แอนโธนีย์ ที่มีซากปรักหักพังของหลังคาถล่มลงมาบริเวณม้านั่งยาวด้านในขณะที่ผู้ที่เดินทางมาโบสถ์ต่างพากันประคองผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

เอเอฟพีรายงานถึงการระเบิด 6 ครั้งแรกในช่วงต้นว่า จำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ ที่ 156 คน โดยชี้ว่ามีชาวต่างชาติรวม 35 คน ซึ่งมีชาวอมริกัน อังกฤษ และดัตช์รวมอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นทางรอยเตอร์ให้ข้อมูลที่ไม่ต่ำกว่า 400 รายโดยอ้างจากแหล่งข่าวตำรวจและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิต รอยเตอร์รายงานว่าอยู่ที่ 138 ราย

ทั้งนี้เอเอฟพีรายงานก่อนหน้าว่า มีผู้บาดเจ็บจำนวนร่วม 300 คนโดยประมาณ โดยอ้างไปถึงการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบัตติคาโลอา(  Batticaloa hospital)ว่า มีการรับตัวผู้ป่วยเพื่อเข้ารักษาไม่ต่ำกว่า 300 ราย

เอพีกล่าวว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ศรีลังกาชี้ว่า ระเบิดเกิดขึ้น 6 ครั้งติดต่อกันที่โบสถ์ชาวคริสต์ 3 แห่งและโรงแรมระดับบนอีก 3 แห่ง ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นทั้งในส่วนแขกเข้าพักโรงแรมและผู้เข้าร่วมพิธีมิสซา

โดยทางเจ้าหน้าที่ศรีลังกาเชื่อว่า การโจมตีโบสถ์ 2 แห่งจากทั้งหมดเป็นฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตาย RT สื่อรัสเซียรายงานว่า ดูเหมือนระเบิดที่โบสถ์คริสต์ 2 จุดจะเกิดขึ้นในเวลา 08.45 น. ตาม ซึ่งในเวลานี้ล่าสุด ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงตัวประกาศความรับผิดชอบ

เอเอฟพีรายงานว่า ในขณะที่ประธานาธิบดีศรีลังกา ไมตรีปาละ สิริเสนา ออกมาแสดงความตกใจต่อเหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้น แต่นายกรัฐมนตรีศรีลังกา รานิล วิกรามาสิงหะ ได้ประณามการกระทำขั้นร้ายแรงที่สุดผ่านทางทวิตเตอร์ว่าเป็นการกระทำของคนขี้ขลาด พร้อมกับขอให้ชาวศรีลังกาอยู่ในความสมานฉันท์ในช่วงวิกฤต พร้อมให้หลีกเลี่ยงข่าวโคมลอย ทางรัฐบาลโคลัมโบพร้อมที่จะใช้มาตรการเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านบรรดาสถานทูตต่างชาติที่ตั้งอยู่ในกรุงโคลัมโบได้ออกคำเตือนพลเมืองของตัวเองให้อยู่ในที่ปลอดภัยส่วนสายการบินศรีลังกาต่างออกมาเตือนให้ผู้โดยสารเดินทางมาถึงสนามบินล่วงหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเวลาบินเนื่องมาจากการเพิ่มมาตรการทางความมั่นคงต่อเหตุร้าย

ทั้งนี้เอเอฟพีรายงานว่า จากเอกสารที่ได้เห็นพบว่า เมื่อ 10 วันก่อนหน้าทางผู้บัญชาการตำรวจศรีลังกาได้ออกคำเตือนทางด้านข่าวกรองต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงว่า กลุ่ม NTJ (National Thowheeth Jama'ath)กำลังวางแผนเพื่อใช้มือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีโบสถ์สำคัญและสถานกงสุลอินเดียในกรุงโคลัมโบ

[admin]

มีเหตุขัดข้องนิดหน่อยพอดีโดเมน หมดอายุลืมต่อ .....เลยเข้ากันไม่ได้เลย 

[POPEYE27]

 

[Teerapong]

เข้าได้แล้ว ขอบคุณครับ 

[Teerapong]

เสียงเดือดดาลบนทวิตเตอร์ของทรัมป์ เกิดขึ้นในวันแรกของการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนด 2 วัน โดยประธานาธิบดีอเมริกา ระบุว่า "เรามีศักยภาพที่จะพุ่งขึ้นเหมือนกับจรวด หากว่าเราปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาบ้าง อย่างเช่นราวๆ 1 จุด"
       
        ทรัมป์ชี้ว่าจีนกระตุ้นเศรษฐกิจของตนเองด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ "แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯของเรากลับขึ้นดอกเบี้ยอย่างไม่ลดละ ทั้งที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำมาก"
       
        เฟดยังไม่ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ และในข้อเท็จจริงคือพวกเขาส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะระงับความเคลื่อนไหวใดๆเพิ่มเติมระหว่างประเมินเศรษฐกิจสหรัฐฯ และได้รับคาดหมายว่าทางเฟดจะย้ำในจุดยืนเดิมในการตัดสินใจวันพุธ(1พ.ค.)
       
        ธนาคารกลางแห่งนี้กระชับนโยบายการเงินมาแล้ว 9 ครั้งนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2015 โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้่ยจากระดับศูนย์หลังวิกฤตการเงินโลก สู่ระดับปัจจุบัน 2.25% ถึง 2.5%
       
        ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ ทรัมป์ เพิกเฉยต่อธรรมเนียมปฏิบัติซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นอิสระของเฟดจากอิทธิพลทางการเมือง พฤติกรรมที่อาจบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง แม้ว่าในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนอื่นๆได้แสดงความคิดเห็นที่ระมัดระวังมากกว่าก็ตาม
       
        "ใช่ เรากำลังทำได้ดีที่ 3.2%(จีดีพีไตรมาสแรก) แต่กับอัตราเงินเฟ้อระดับต่ำอย่างน่าประหลาดใจ เราน่าจะทำสถิติครั้งสำคัญ และในขณะเดียวกันก็อาจทำให้หนี้สาธารณะของเราเริ่มดูน้อยลง!" ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์
       
        ทรัมป์และทีมงานเศรษฐกิจของเขาเคยให้สัญญาว่ามาตรการปรับลดภาษีและผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆจะช่วยเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจเติบโต 3% หรือถึงขั้น 4% แต่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าดูเหมือนมันจะไม่เป็นแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีนและชาติอื่นๆ ซึ่งกัดเซาะความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและการลงทุน

[admin]

ขอบคุณครับท่านที 

[narjant]

แจ่มครับ 

[Teerapong]

ข่าวเช้าตรู่ ส่งถึงมือคุณ!

โดยเพจ "ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน"

1.เดือด! ทรัมป์ซัดกลับหลังจีนขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญ หุ้นร่วงเกือบ 7 ร้อยจุด

2.ดราม่า! ศึกชิง Family Mart ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ในจีน

3. UBER เข้าตลาดหุ้นเพียง 2 วันหุ้นดิ่งเกือบ 20%

เมื่อวานนี้ market cap ของตลาดหุ้นสหรัฐร่วงมากกว่า 6 แสนล้านเหรียญ 

มากกว่าตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐ

และมากกว่า ตัวเลขที่ทรัมปขึ้นภาษีจีนเสียอีก

[narjant]

จัดไปครับ ท่าน  tee

[admin]

ขอบคุณครับผม 

[Teerapong]

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อห้ามบริษัทของสหรัฐจากการใช้เทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่พุ่งเป้าอย่างชัดเจนไปที่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน

คำสั่งของปธน.ทรัมป์ซึ่งมีขึ้นในวันพุธตามเวลาสหรัฐนั้น ไม่ได้ระบุถึงประเทศหรือบริษัทใดเป็นพิเศษ แต่สหรัฐได้เรียกร้องประเทศอื่นๆ ไม่ให้ใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ยในเครือข่าย 5G เนื่องจากเชื่อว่า อาจเป็นการเปิดโอกาสให้จีนทำการจารกรรมข้อมูล

[Teerapong]

หัวเว่ย เทคโนโลยี บริษัทโทรคมนาคมของจีนเตือนว่า คำสั่งบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ให้อำนาจทางการขัดขวางกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีข้อมูลหรือการสื่อสารที่เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอย่างไม่สามารถยอมรับได้ จะทำให้สหรัฐล้าหลังเรื่องเครือข่าย 5 จี (5G)

[admin]

ขอบคุณครับท่านที 

[Teerapong]

ท่านเกิลเทแรง ประกาศตัดขาด Huawei ระงับแอป Youtube - อัปเดตไม่ได้

    วันที่ 20 พฤษภาคม 2562 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ท่านเกิล (Google) ได้ออกมาประกาศลงดาบ หัวเหว่ย (Huawei) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชื่อดังสัญชาติจีน ด้วยการจำกัดการใช้งานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ทำให้ไม่สามารถอัปเดตเวอร์ชั่นใหม่ได้ในอนาคต รวมทั้งระงับการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ บน Google Play โดยการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายใต้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิ่ม Huawei ลงในรายชื่อบริษัทที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้ากับสหรัฐฯ นอกจากมีใบอนุญาตถูกต้อง ซึ่งท่านเกิลก็กล่าวว่า ทางบริษัทได้ทำตามคำสั่ง และกำลังทบทวนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

          เบน วูด นักวิเคราะห์การตลาดจาก CCS Insight ให้ความเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า การตัดสินใจของท่านเกิลในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดผู้บริโภคของ Huawei  ซึ่งโดยปกติ สมาร์ทโฟนสัญชาติจีน ไม่ได้มีภาพลักษณ์ที่ดีนักในโลกตะวันตก โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ ซึ่งมีความกังวลถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับการใช้งานโทรศัพท์มือถือของหัวเหว่ยภายใต้ระบบ 5G ที่เชื่อกันว่า จีนใช้หัวเหว่ย เป็นเครื่องมือในการสอดส่องดูข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ แม้หัวเหว่ยจะออกมาปฏิเสธ พร้อมแสดงจุดยืนว่าเป็นบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน แต่ก็ไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

          นอกจากนี้ ในรายงานยังระบุว่า ในอนาคต ถ้าหากท่านเกิลปล่อยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ตัวใหม่ สมาร์ทโฟนและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของหัวเหว่ยที่ใช้ระบบปฏิบัติแอนดรอยด์ ก็จะไม่สามารถอัปเดตระบบความปลอดภัย และไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางเทคนิคต่าง ๆ ได้ อีกทั้งโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ จะไม่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันพื้นฐานของท่านเกิล อย่าง Youtube และ Google Maps แต่ผู้ใช้งานหัวเหว่ยในปัจจุบัน ยังคงสามารถใช้งานระบบปฏิบัติการเดิมได้อยู่

          แม้ว่าจะโดนตัดขาดครั้งใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมหาศาล แต่ เหริน เจิ้งเฟย ประธานกรรมการบริหารของหัวเว่ย ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางหัวเหว่ยได้เตรียมพร้อมรับมือเอาไว้แล้ว และกำลังเดินหน้าพัฒนาในส่วนของตัวเอง

[Teerapong]

#น่าจะเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกตอนนี้
เครดิต ลงทุนแมน
Google แบน Huawei แล้ว

และแล้ววันนี้ก็เกิดขึ้นจริง วันที่ Google ต้องทำตามคำสั่งจากรัฐบาลสหรัฐ
โดยหนึ่งใน blacklist ของรัฐ ที่ห้ามบริษัทอเมริกันทำการค้าด้วย ก็คือบริษัท "Huawei"

Huawei โดน Google แบนในเรื่องอะไรบ้าง?

Huawei จะถูกระงับ update จาก Andriod แต่จะสามารถใช้ Android ได้ผ่านเวอร์ชันที่เปิดให้เป็นสาธารณะ หรือ open source เท่านั้น
และ Google จะไม่ให้ความช่วยทางด้านเทคนิค และ หยุดความร่วมมือกับ Huawei ในบริการต่างๆ

ที่สำคัญกว่าเรื่อง Android ก็คือ สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ของ Huawei จะไม่สามารถใช้แอปของ Google เช่น YouTube, Gmail, Google Maps ได้อีกต่อไป

โดยเรื่องราวนี้เกิดจาก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้เพิ่ม Huawei เข้าไปในรายชื่อบริษัทที่ถูกแบนเพื่อป้องกันการขโมยเทคโนโลยี

แล้วเรื่องนี้จะกระทบกับใคร ใครได้ใครเสีย?

สำหรับผู้บริโภคในจีนก็อาจไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก
เพราะว่า ก่อนหน้านี้ จีนก็แบน Google มานานแล้ว

คนจีนไม่ได้ search Google แต่คนจีน search Baidu
คนจีนไม่ได้ดู YouTube แต่คนจีนดู Youku, iQiyi

จะมีก็แต่ Google Play ที่รายได้จะหายไป

แต่สำหรับผู้บริโภคนอกประเทศจีน และใช้เครื่อง Huawei จะได้รับผลกระทบ ทั้งยุโรป และ เอเชีย

เพราะผู้บริโภคเหล่านี้ยังใช้ผลิตภัณฑ์ของ Google อย่างเหนียวแน่น
ไม่ว่าจะเป็น Google Search, YouTube, Gmail, Google Maps

หลายปีก่อน วันที่ Google โดนรัฐบาลจีนแบน Google ต้องจำใจออกนอกประเทศจีนอย่างไม่มีทางเลือก

มาวันนี้ ดูเหมือนเรื่องราวจะตรงกันข้าม

เพราะเครื่องสมาร์ตโฟนของจีนส่งออกขายไปทั่วโลก
ต่อไปนี้คนนอกประเทศจีน ก็น่าจะลังเลก่อนที่จะซื้อเครื่องของ Huawei ว่าจะใช้งานอะไรไม่ได้บ้าง
และเรื่องนี้น่าจะทำให้ยอดขายสมาร์ตโฟนของ Huawei ลดลงทั่วโลก

ก็ต้องยอมรับว่า
เมื่อเราเปิดสมาร์ตโฟนขึ้นมา
แอปต่างๆก็เป็นแอปของอเมริกันไปแล้วเกินครึ่ง

เรื่องนี้อาจทำให้ได้รู้ว่า
คุณค่าของสมาร์ตโฟน อาจไม่ได้อยู่แค่ตัวเครื่อง
แต่เป็นสิ่งที่ใช้งานได้อยู่ภายใน
ต่อให้เครื่องสามารถถ่ายรูปซูมได้ถึงรูขุมขน แต่ถ้ามันเอามาใช้แอปในชีวิตประจำวันเราไม่ได้
หลายคนก็คงไม่อยากซื้อมัน

การทะเลาะกันใครครั้งนี้ ก็ได้แต่มองว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร
จีน แบน Google Facebook มานาน
แต่จีนกลับขายสมาร์ตโฟนไปให้คนทั่วโลกใช้ Google Facebook
คราวนี้ถึงคราว สหรัฐโต้กลับได้อย่างรุนแรง

แต่ทั้ง 2 ประเทศนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกัน

มาถึงตอนนี้ ถ้าเราคิดว่าใช้ สมาร์ตโฟน Apple แล้วจะไม่ได้รับผลกระทบ
ก็ต้องตอบกลับไปว่า รอดูก่อน..
เพราะ iPhone ก็ผลิตที่จีน เหมือนกัน
╔═══════════╗
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ blockdit.com
╚═══════════╝
References
-https://www.bbc.com/news/business-48330310
-https://www.abc.net.au/…/google-suspends-some-busi…/11129042