• กิจกรรมทายผล
  • การแข่งขัน
  • ติดต่อสอบถาม
  • สนับสนุนเว็บบอร์ด

src="/ckfinder/userfiles/images/(CPI)%20%2B%20Inflation%20Rate%20.png" width="30%" height="120">

  • หน้าแรก
  • โบรคเกอร์
    • เปรียบเทียบบัญชีโบรคเกอร์
    • ตราวจสอบ Reabate Exness ประจำวัน
    • การแข่งขัน webTrader Contest
  • ปฏิทิน
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • blogger
 

  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ »
  • บทความที่น่าสนใจ »
  • Myfxbook AutoTrade ความเสี่ยงที่ต้องคำนึง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • พิมพ์
หน้า: [1]   ลงล่าง

ผู้เขียน หัวข้อ: Myfxbook AutoTrade ความเสี่ยงที่ต้องคำนึง  (อ่าน 1237 ครั้ง)

ออฟไลน์ 2technical

  • สมาชิกใหม่
  • กระทู้: 3
  • LIKE: 2
  • สายอู้ มุ่งลดความเสี่ยง
    • ดูรายละเอียด
    • Learntotradefx
    • อีเมล์
Myfxbook AutoTrade ความเสี่ยงที่ต้องคำนึง
« เมื่อ: มีนาคม 27, 2017, 10:31:36 PM »



บทความนี้จะเกี่ยวกับระบบ Myfxbook AutoTrade นะครับ โดยคือส่วนของความเสี่ยงที่เราจะต้องเจอ เมื่อเลือกใช้ระบบนี้เทรดตาม Signal provider ครับ
ความเสี่ยง(ที่พอจะ)ควบคุมได้

  • ความเสี่ยงจากระบบเทรดที่เลือกใช้ (ในที่นี้คือระบบ Copy trade – AutoTrade signal provider)
  • ความเสี่ยงจากโบรคเกอร์ ความน่าเชื่อถือ เกิดโบรคเกอร์ปิดไปเราจะทำยังไง
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ ค่าธรรมเนียมการฝาก ถอนของโบรค ค่าเสปรด – Commission ค่าธรรมเนียมการใช้ระบบ
  • ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลที่ใช้เป็น Base currency

ในส่วนนี้หากเราพอจะบริหารวิธีการลงทุนของเราให้ลดความเสี่ยงบางข้อลงได้ก็ลองหาวิธีการดู เช่น หากเรากลัวอัตราแลกเปลี่ยนสกุล USD ที่เป็น Base currency ในบัญชีลงทุนของเรามันเกิดด้อยค่าลงไป เราจะรับมือไงได้บ้าง
เช่น แยกบัญชีให้ Base currency เป็นหลายสกุลเงิน แล้วทำ Re balance เป็นระยะ หรือถ้าโบรคที่ใช้เกิดปิดล้มละลายกระทันหัน เราก็กระจายความเสี่ยงโดยไม่วางเงินไว้ที่เดียว แต่กระจายไปยังโบรคเกอร์เจ้าที่เรามั่นใจได้มากพอ (ความมั่นใจอาจดูที่ Regulator / จำนวนฐานลูกค้า / ประวัติ รวมไปถึงข่าวต่างๆล่าสุด – เว็บบางเวบจะมีส่วนของการพูดคุยถึงด้านลบของโบรค เช่น http://www.forexpeacearmy.com/ ก็คอยอัพเดตข่าวไว้เรื่อยๆ หรือดูรีวิวจากพวก http://www.myfxbook.com/reviews/brokers/9,1 ว่าโบรคไหนมีคนมาออกความเห็นด้านดี ด้านร้าย คะแนนดี ไม่ดียังไง น่าเชื่อถือหรือไม่


 


เท่าที่ดูจากรีวิวนี้ก็จะคุ้นๆอยู่หลายโบรค ซึ่งเราก็เลือกกระจายการลงทุนของเราไปตามการศึกษาของเรา
ของผมที่เคยทดสอบมาก็จะลองทั้ง Tickmill Pepperstone XM ICmarkets Fxchoice Axitrader ขึ้นอยู่กับว่าระบบของโบรคนั้นทำอะไรได้ แต่ละโบรคก็จะมีจุดดีจุดเสียต่างกันไป

ซึ่งเท่าที่ทดสอบมาก็ค่อนข้างพอใจกับหลายเจ้า – โดยผมจะเน้นเรื่องค่าธรรมเนียมฝากถอน – เสปรดเป็นหลัก (เพราะเป็นสายอนุรักษ์นิยม ผลตอบแทนไม่หวือหวา เลยต้องลด cost ต่างๆให้มากที่สุด) / ความเร็วของระบบ – ถ้าเป็นไปได้คิดว่าใช้โบรคเดียวกับคนที่เราติดตามน่าจะทำให้ลดสัญญาณ Lagging หรือค่าเสปรด – commission ต่างๆที่ต่างกันระหว่างความแตกต่างด้านโบรคเกอร์ได้ก็ยิ่งดี (แต่ข้อนี้ไม่น่าจะมีผลมากนัก เพราะระบบรับสมัครของ Myfxbook น่าจะมีเงื่อนไขทำให้ระบบต่างๆใกล้เคียงกันในระดับหนึ่ง)

*ในรูปนี้ไม่ใช่ทุกโบรคที่จะใช้ AutoTrade ได้นะครับ แต่เป็นการยกตัวอย่างเวบรีวิวโบรคเท่านั้น ส่วนลิสต์ของโบรคที่ใช้ AutoTrade ได้จะตามนี้ครับ http://www.myfxbook.com/autotrade/open-live-account
หรือถ้าเทียบง่ายๆกับลิสต์แรก ก็จะมี Tickmill Pepperstone ICmarkets Fxchoice Axitrader

ความเสี่ยงที่่ควบคุมได้ยาก

เหตุการณ์อนาคตที่มีผลต่อตลาดโดยตรง สงคราม นโยบายการเงินระหว่างประเทศ อันนี้เราทำได้เพียงใช้ระบบ Money Management หรือวิธีการวางกลยุทธระยะยาวที่เหมาะสมกับวิธีการลงทุนของเราเท่านั้น
เช่น การบริหารขนาดการลงทุนให้เล็กพอที่จะไม่ทำร้ายพอร์ตอย่างใช้ระบบคุม Money Management แบบ  1-2 % rule โดยวิธีนี้อธิบายแบบง่ายๆคือ หากผิดก็จะเสียมากสุดไม่เกิน 2 % (ใช้การคำนวณเมื่อ SL แล้วเราจะลบแค่ 2 % ของพอร์ต)

การใช้วิธีนี้บริหารการเทรดในเวลาปกติ ก็เพราะเราเชื่อว่าอนาคตทำนายได้ยาก เช่น หากทรัมพ์เกิดนึกนโยบายพิลึกๆออกมาในวินาทีหลังเราเทรด แล้วมันทำให้เราผิดทาง เราก็เสียแค่ 2 % อินดิเคเตอร์เทพแค่ไหนก็ช่วยเราไม่ได้ถ้าเราดันไปเปิดขนาดความเสี่ยงสูง(ที่จะทำให้พอร์ตเราถึงขั้นล้างได้เมื่อชน SL)

การคุมให้เสียทีละน้อย แล้วค่อยไปเอาคืน หรือไปชนะในตาอื่น ก็คือแนวคิดเรื่องของการใช้สถิติในอีกแบบ เพราะถ้าระบบเทรดที่เราใช้ – AutoTrade Signal ที่เราเลือกนั้นมีสถิติดี มันก็น่าจะมีโอกาสที่จะกลับมาทำกำไรให้เราได้ในโอกาสอื่น และน่าจะสามารถทำให้กำไรมากกว่าขาดทุนในระยะยาว นี่คือการจำกัด Risk ในด้านของตัวระบบเทรดนั่นเองครับ

ขนาดของการลงทุนต่อครั้งกับความเสี่ยงของพอร์ต

ในเกมใดๆก็ตาม จะมีสิ่งที่เรียกว่า % win – % loss ซึ่งได้จากการคำนวณด้วยความน่าจะเป็น หรือเก็บข้อมูลจากระบบสถิติ ซึ่งสำหรับนักลงทุนมือใหม่นั้นมักจะมุ่งเน้นแต่พัฒนา % win เป็นหลัก แล้วก็เชื่อว่า ยังไงถ้า % win สูงๆไว้ ก็ไม่ต้องสนใจขนาดของการเทรดต่อครั้งหรอก ซึ่งเป็นความเชื่อที่ควรระวังและพิจารณาดีๆครับ

จากตัวอย่างด้านบนที่อธิบายกรณี วันดีคืนดีทรัมพ์เกิดออกนโยบายที่กระทบค่าเงินแปลกๆออกมา แล้วทำให้เราผิดทาง กรณีแบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางทำนายได้ การไปเทรดในขนาดสูงๆแล้วเจอเหตุการณ์นี้จะทำให้มีโอกาสล้างพอร์ตได้สูง แล้วขนาดการลงทุนควรเป็นเท่าไหร่ดี ทำไมหลายๆท่านถึงแนะนำพวกเรื่มด้วย 1-2 % Rule

ในรูปนี้ผมทำการทดลองแบบง่ายๆมาให้ตีความกันดูครับ โดยสมมุติว่าเราจะเล่นเกมโยนหัวก้อย ทั้งหมด 20 เกม โดยมีกลยุทธเราคือเราจะเลือกเล่นทายด้านหัวอย่างเดียวทุกตา เกมนี้โดยทั่วๆไป การคิดจากวิธีคิดแบบความน่าจะเป็นเราจะมีโอกาสชนะ 50 %

ในการทดลองนี้เราจะใช้โอกาสชนะ 50 % มาออกแบบวิธีวางเงินเทรดของเรากันว่าการวางเงินแบบต่างๆนั้นจะให้ผลเป็นยังไงเมื่อผ่านไปแล้ว 20 ตา โดยให้ทุนเริ่มต้น 100 USD

พอออกแบบการทดลองดังนี้ เราก็จะทำการรันโปรแกรมให้มัน Simulation ใน excel ว่าหากมีการเล่นแบบนี้ไป 10000 รอบ จะมีความน่าจะเป็นของการล้างพอร์ตประมาณไหน

โดยในแต่ละรอบนั้นจะแรนด้อมผลด้วยฟังก์ชั่น Rand ของ excel บนความน่าจะเป็น 50 / 50 ดังนั้นในแต่ละตาผลจะเป็นไปได้ตามวงเงินเดิมพัน คือหากเดิมพัน 100 แล้วแรนด้อมว่าแพ้ ก็จะ -100 ในตานั้น แล้วก็ทำไป 20 รอบในเกมนั้น จากนั้น Simulation การเล่นไป 10000 เกม



*หมายเหตุ ในรูปที่เขียนว่า Bet 100 % นั้นเขียนผิดความหมายนะครับ โดยเป็นการเสี่ยงขนาด 100 % ในตาแรก และคงที่ไปตลอด (จริงๆควรเขียนว่า Bet ทีละ 100 / 50 / 10 / 1)

รูปแรก Bet ขนาด 100 ผลตอบแทนที่เป็นไปได้ของการเดิมพันแบบนี้จะสูงที่สุด คือจะเป็นไปได้ถึง +1600  (ถูก 18 ตาผิด 2 ) มาจาก 18*100 – 2*100 = 1800-200 = 1600
แต่หากดูที่กรอบสี่เหลี่ยมสีแดง (ซึ่งตีกรอบโอกาสของทุนที่จะเหลือ 0) จะเห็นว่าโอกาสล้างพอร์ตมีประมาณ 50 % ถ้าเราใช้ขนาดความเสี่ยง 100 โดยดูจากรูปครึ่งนึงของระฆังจะอยู๋ในแดนต่ำกว่า 0



แล้วถ้าลดขนาดการเปิดลงครึ่งหนึ่งหล่ะ จะเห็นว่า ตัวระฆังเริ่มหนีไปทางด้านบวกมากขึ้น (ขวา) ก็คือมีโอกาสมากขึ้นที่จะไม่ล้างพอร์ต แต่ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดี

ผลตอบแทนที่เป็นไปได้จากการเล่นหมื่นรอบของระบบ MM นี้คือ มีโอกาสไปได้ ที่ +-800 usd



 

รูปถัดมา Bet ขนาด 10 ความเสี่ยงลดลงอย่างชัดเจน คือโอกาสที่พอร์ตจะล้างจะเหลือแค่กรอบสี่เหลี่ยมที่เล็กลงมาก (แต่โอกาสที่ทุนจะต่ำกว่าทุนตั้งต้นก็ยังคงเป็นประมาณ 50-50 เหมือนเดิม ) เพราะระบบนี้ % win 50 % และผลตอบแทนเวลาถูกและผิดนั้นเท่ากัน



รูปสุดท้ายนี้ ลดความเสี่ยงให้เหลือเล่นแค่ตาละ 1 USD จะเห็นว่ายังไงก็ไม่ล้างพอร์ต คือไม่มีส่วนของกราฟเส้นสีฟ้าไปตกในแดนต่ำกว่า 0 เลย
(แหงหล่ะ เพราะว่าเล่นแค่ 20 ตา มีทุน 100 ถ้าผิดทุกตายังไงก็ = -20 ยังคงเหลือทุนอีก 80)

ผลการทดสอบ

  • การกระจายตัวแบบ Normal distribution ของการจำลองการเทรด 10000 ครั้ง โดยหากเราลดขนาดของการลงทุนให้เล็กลงเมื่อเทียบกับทุนทั้งหมด การกระจายตัวจะลดลงเกาะกลุ่มกันมากขึ้น (รูปสุดท้าย) เป็นระฆังทรงแหลม ขณะที่การลงทุนขนาดเสี่ยงสูงจะทำให้การกระจายตัวออกในทางกว้างขึ้น ซึ่งหากพิจารณาในแง่ความเสี่ยง ก็คือมีโอกาสจะติดลบด้วยวงเงินสูงมากขึ้น
  • เมื่อเราทดลองเปลี่ยนแฟคเตอร์ในระบบอย่าง % win ขนาด bet size รูปทรงของการกระจายตัวก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ โดยที่ทดลองแบบนี้ก็เพื่อให้เห็นว่า ถ้าเราเข้าใจแฟคเตอร์ที่มีผลกับระบบ เราจะสามารถทดลอง Simulation เหตุการณ์บนแฟคเตอร์เหล่านั้น เพื่อเข้าใจว่า ความน่าจะเป็นของการล้างพอร์ตของเราเมื่อใช้การวางเงิน (MM) แบบต่างๆนั้นมีความเสี่ยงแค่ไหน
  • ในการดูผลนั้น เราจะดูปริมาณของพื้นที่กราฟสีฟ้า ว่าตกในโซนไหนเยอะ ไม่ได้ดูแค่โอกาสที่จะไปถึงค่าสูงสุด ต่ำสุด ซึ่งนั่นคือรูปทรงของกราฟที่จะเกิด เช่น หากกราฟมีโอกาส + 1600 แต่โอการนั้นมีแค่ 1 % ขณะที่โอกาสล้างพอร์ต 50 % เราจะสนใจที่ 50 % นั้นมันเสี่ยงเกินไป และไม่คุ้มค่าที่จะไปเสี่ยงโดยมีโอกาสแค่ 1 % ที่จะได้รับผลตอบแทน 16 เท่าจากเงินลงทุน
  • สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาในชีวิตจริงของการเทรด – ในการเทรดนั้น หากเราไม่สนใจว่า ผิดแล้วเราจะลบไปเท่าไหร่ของพอร์ต เราก็มีโอกาสสูงที่จะล้างพอร์ตได้บ่อยๆ โดยที่ไม่ตระหนักว่าที่ล้างพอร์ตนั้นเกิดจากการใช้ระดับความเสี่ยงของ Bet size ที่สูงเกินไป แต่ไปมุ่งหาระบบที่จะพัฒนา % win ให้ถูกต้องมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจเป็นการแก้ปัญหาที่ยังไม่ตรงจุดของปัญหา

ดังนั้นพัฒนา % win เพื่อความแม่นยำ หรือการเลือกคนที่เราจะตาม Copy trade โดยดูจาก % win คือเงื่อนไขหนึ่งที่เราต้องพัฒนา – หากันไป แต่อย่าลืมอีกเงื่อนไขคือการควบคุมความเสี่ยงในแง่ของขนาดการเทรดด้วยครับ


แนวคิดการบริหารขนาดเปิด หรือกลยุทธ MM แบบอื่นๆ

การบริหารความเสี่ยงจากสิ่งที่ไม่คาดคิดนี้ ไม่ได้จำกัดแค่วิธี 1-2 % Rule อย่างเดียวนะครับ หากท่านมีระบบที่มีโอกาสชนะสูง แล้วใช้ในระบบแบบที่ใช้การ Bet สูงกว่า 1-2 % Rule โดยกำหนดเงื่อนไขบางอย่างเพิ่มเติม เช่น เอาเงินที่ปกติไปซื้อดีมาเทรดแทน (ซึ่งปกติถือเป็นเงินที่ทำบุญให้ประเทศผ่านทางการให้บริการของกองสลากแห่งประเทศไทย) โดยพอชนะเกมชุดนั้นแล้วถอนเงินออกมาเลย เอากำไรมาเก็บไว้ หรือลงในระบบอื่นมันก็เป็นแนวทางที่จะพัฒนากันไปได้ตามแต่จะออกแบบ หรือจะเริ่มจากระบบความเสี่ยงต่ำมากๆ เพราะท่านสามารถรอได้นาน จากนั้นค่อยเอาผลกำไรไปเร่งในระบบที่เสี่ยงสูงกว่า โดยขาดทุนก็แค่ขาดทุนกำไร อันนี้แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์กับออกแบบกันไป

เพียงแต่ถ้ามีเวลา ลองค่อยๆมองระบบเทรด – ระบบบริหารทุนของเรา ให้เป็นแฟคเตอร์ แล้วลองหาทางเข้าใจความเสี่ยง เช่น โอกาสที่จะล้างพอร์ต ว่าใช้วิธี MACD + MM แบบนี้ มันมีโอกาสล้างพอร์ต 20 % มันสูงไป ก็ไปออกแบบใหม่ หรือเราอยากใช้มาทิงเกลในการเทรด ก็ต้องรู้จักแฟคเตอร์ของระบบมาทิงเกล เช่น การปรับระยะ Trade step ทำให้ผลเปลี่ยนไปแบบไหน การใช้ตัวคูณจะทำให้ความเสี่ยงเพิ่มระดับใด ไปจนถึงตัวแปรของรายงานสรุปผลการเทรดอย่าง Consecutive loss, % win ว่าระบบที่เราจะนำมาประกอบกับมาทิงเกลนั้น ถ้ามี % win เยอะก็ย่อมปลอดภัยขึ้น มี Consecutive loss น้อย (อัตราผิดติดกัน) น้อย เราก็นำระบบนั้นมาประกอบเป็นเงื่อนไขการเข้าแทนที่จะใช้ Trade step อย่างเดียว จากนั้นก็แบคเทสทดสอบผลดู นี่คือการพยายามพัฒนาระบบเทรดด้วยความสนใจด้านแฟคเตอร์ต่างๆ ทั้งแฟคเตอร์ตั้งต้นของระบบ ไปจนถึงแฟคเตอร์เมื่อผ่านการแบคเทส อันจะทำให้เราพัฒนาระบบที่เราใช้ไปได้เรื่อยๆครับ
บันทึกการเข้า

ออฟไลน์ narjant

  • ปู่ของบอร์ด
  • *****
  • กระทู้: 7962
  • LIKE: 237
  • จินตนาการสำคัญกว่า ความรู้
    • ดูรายละเอียด
Re: Myfxbook AutoTrade ความเสี่ยงที่ต้องคำนึง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 28, 2017, 06:48:14 AM »
บวก หนึ่ง เลย ครับ  em6.gif em6.gif em14.gif em14.gif
บันทึกการเข้า
พอร์ต เขียว หมื่นปี หมื่น หมื่น ปี

ออฟไลน์ Regera

  • ex / cl
  • Silver
  • ****
  • กระทู้: 2929
  • LIKE: 45
  • จงเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
Re: Myfxbook AutoTrade ความเสี่ยงที่ต้องคำนึง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 28, 2017, 03:54:24 PM »
ผมมีบัญชีเงินเก็บอยู่ 2 บัญชี  thb  1   usd 1  ok ไหมครับ
ส่วนเรื่องโบรค ไม่รู้สิ รอท่านผู้รู้มาแจงละกัน  AT4.gif
บันทึกการเข้า
ผู้ชนะไม่เคยล้มเลิก ผู้ล้มเลิกไม่เคยชนะ  :D

  • พิมพ์
หน้า: [1]   ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
  • Forex l หุ้น l การลงทุน l การซื้อขายออนไลน์ l ตลาดฟอร์เร็กซ์ »
  • สอนเล่น forex / บทความหน้ารู้ »
  • บทความที่น่าสนใจ »
  • Myfxbook AutoTrade ความเสี่ยงที่ต้องคำนึง
 

Risk Warning : ข้อมูลในเว็บไซค์นี้อาจถูกก๊อบปี้ข้อมูลบางส่วนจากสมาชิกบางท่าน แล้วนำไปดัดแปลงแก้ไขใหม่

คำเตือนการลงทุนมีความเสี่ยง : การซื้อขายในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (forex) หรือผลิตภัณฑ์ CFD โดยเฉพาะการเทรดที่ใช้ Leverage สูง มีความเสี่ยงสูงโปรดพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ จึงอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน มูลค่าการลงทุนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ และนักลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ไม่ว่าในสถานการณ์ใด ๆ เป็นความรับผิดชอบของตัวนักลงทุนเอง สำหรับการขาดทุนหรือสูญเสียทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งเป็นผลเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม ทั้งนี้ทางบอร์ดเป็นเพียงสื่อกลางในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถรับผิดชอบต่อผล กำไร/ขาดทุน จากการเทรดของสมาชิกเว็บบอร์ดได้นักลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านก่อน ก่อนตัดสินใจลงทุน

Powered by SMF 2.0 RC5 | SMF © 2006–2011, Simple Machines LLC | SMF Thailand